วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Pacific Rims หุ่นยนต์ปะทะสัตว์ประหลาดที่มีอะไรมากกว่าหนังเด็กๆ


เห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึงหนังประเภทเรนเจอร์ห้าสี  ที่หลังจากเรนเจอร์ต่อยกับลูกสมุนกีกี้และสัตว์ประหลาดตอนตัวเล็กจนชนะแล้ว  สัตว์ประหลาดก็จะกินยาขยายขนาดร่างให้ใหญ่ขึ้น ชนิดว่าขนาดตัวตอนแรกเท่าง่ามตีนของขนาดตอนหลัง   แล้วเรนเจอร์ก็จะเรียกหุ่นสัตว์ประจำตัว (เรนเจอร์หัวหน้ามักจะเป็นสีแดง  และหุ่นของสีแดงก็มักจะเป็นมังกร หรือไม่ก็ไดโนเสาร์)   มาประกอบร่างกันกลายเป็นหุ่นยนต์ขนาดสูสีกับสัตว์ประหลาด  แล้วจะต่อสู้กันในสไตล์กึ่งสโลโมชั่น  มีฉากที่หุ่นยนต์หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดล้มลงกระแทกตึกจนพังทลาย  ย้อนไปสมัยผมห้าขวบ  ผมดูวีโดโอแนวนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนลายเต็มจอ  ก็ไม่ยอมเลิกดู  (เดี๋ยวนี้ดูแนวผู้ชายสู้แก้ผ้าสู้กับผู้หญิงแทนละ ฮิฮิ)

เป็นความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างหนังที่นำเอากลิ่นอายของหนังแนวหุ่นยนต์เรนเจอร์มาผสมกับแนวสัตว์ประหลาดหลุดโลกอย่างก็อตซิลล่า  ตัวอย่างหนังเน้นนำเสนอฉากต่อสู้  กราฟฟิคอันตระการตาซึ่งน่าจะเป็นจุดขายของตัวหนัง  ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ได้คาดหวังกับเนื้อเรื่องก่อนมาดูมากนัก  แต่ทว่าพอได้ดูจริงๆ  เนื้อเรื่อกลับมีอะไรอยู่เยอะเหมือนกัน  ตัวหนังมีเหตุผลมีที่มาที่ไป  รัฐบาล(ตัวแทนชาวโลก) ร่วมมืกันไม่ใช่เพราะอยากเห็นหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาด  การกระทำมีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ   ทำให้รู้สึกอินกับเนื้อเรื่องเหมือนดูภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟเรื่องหนึ่ง   และนอกจากหุ่นยนต์แล้ว เนื้อเรื่องยังให้ความสำคัญกับเรื่องราวระหว่างคนไม่น้อยไปกว่ากัน  ซึ่งก็ให้อารมณ์สนุกไปอีกแบบหนึ่ง  มีตัวละครอย่างสองด็อกเตอร์มาช่วยสร้างสีสันและไขปริศนาของพวกต่างดาว   มีพ่อค้าชิ้นส่วนสัตว์ประหลาดให้ภัตตาคารฮ่องกงในตลาดมืด  สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์เป็นมากกว่าเรื่องหุ่นยนต์เรนเจอร์สู้กับสัตว์ประหลาด

แต่ถึงแม้เนื้อเรื่องจะดูมีรายละเอียดและสีสัน  แต่ก็ยังขาดมิติของตัวละครอยู่บ้าง  ตัวละครเดาง่าย ตัวอิจฉาพระเอกก็ดูโฉ่งฉ่าง  ท่านนายพลที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา  พระเอกนางเอกแสนเก่งและตกหลุมรักกันง่าย  ตัวละครเหล่านี้ดูไปคล้ายตัวละครสำเร็จรูปที่ยกเค้ามาจากการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่อง  และฉากแอ็คชั่นตอนสุดท้ายก็ดูยังไม่ค่อยสะใจถึงใจเท่าไหร่  ฉากต่อสู้กันตอนกลางเรื่องในเมืองดูจะมันส์อลังการน่าเอาเป็นฉากท้ายมากกว่า  ตัวละครบางตัว(ไม่ขอสปอยล์ว่าเป็นตัวไหน) ไม่น่าเขียนบทให้ตาย  เพราะเหมือนเอาไปตายเปล่าไม่มีผลต่ออารมณ์ผู้อ่านเลย  ถ้าตัวละครอีกตัวไปตายแทนคิดว่าจะเรียกอารมณ์คนอ่านได้มากกว่านี้    ฉากดราม่าไม่ได้สะกิดต่อมน้ำตาเลยแม้แต่กระผีก

หนังเรื่องนี้ถึงจะขายกราฟฟิคและฉากแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ใหญ่  แต่ก็มีแฝงแง่คิดบางอย่างไว้ซึ่งผมว่าคมคายใช้ได้เลย  การบังคับหุ่นยนต์ต้องใช้ความทรงจำในการเชื่อมต่อ  เนื่องจากหุ่นยนต์ต้องบังคับด้วยสองคนทำให้อีกฝ่ายหนึ่งสามารถเข้ามาผสานความทรงจำร่วมกับเราได้  พระเอกแต่เดิมบังคับคู่กับพี่ชายของตัวเอง แต่ภายหลังได้คู่บังคับหุ่นยนต์คนใหม่ก็เปิดเผยความในใจให้ฟังว่า  มันยากที่จะปล่อยวางความทรงจำเก่าๆแล้วไว้ใจให้ใครสักคนหนึ่งเข้ามาร่วมรับรู้กับเรา (จำไม่ค่อยได้ละ พอดีมัวแต่มัวเอามันส์ เลยไม่ค่อยคิด ฮ่าๆ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นแง่บางมุมของคนเราในชีวิตจริงเหมือนกัน

เป็นหนังสนุก  ถ้าอยากดูอะไรที่บันเทิงใจก็แนะนำให้ดูครับ  เป็นหนังที่คุ้มค่าตั๋วเรื่องหนึ่ง  ไม่ใช่หนังหุ่นยนต์แบบเด็กๆแน่ครับ  ผู้ใหญ่ดูได้ เผลอๆอินกว่าเด็กดูอีก  ผมให้ 9/10 ครับ  ส่วนใครจะให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ความชอบ ความเห็นของผู้นั้นนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น