เห็นตัวอย่างหนังเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึงหนังประเภทเรนเจอร์ห้าสี ที่หลังจากเรนเจอร์ต่อยกับลูกสมุนกีกี้และสัตว์ประหลาดตอนตัวเล็กจนชนะแล้ว สัตว์ประหลาดก็จะกินยาขยายขนาดร่างให้ใหญ่ขึ้น ชนิดว่าขนาดตัวตอนแรกเท่าง่ามตีนของขนาดตอนหลัง แล้วเรนเจอร์ก็จะเรียกหุ่นสัตว์ประจำตัว (เรนเจอร์หัวหน้ามักจะเป็นสีแดง และหุ่นของสีแดงก็มักจะเป็นมังกร หรือไม่ก็ไดโนเสาร์) มาประกอบร่างกันกลายเป็นหุ่นยนต์ขนาดสูสีกับสัตว์ประหลาด แล้วจะต่อสู้กันในสไตล์กึ่งสโลโมชั่น มีฉากที่หุ่นยนต์หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดล้มลงกระแทกตึกจนพังทลาย ย้อนไปสมัยผมห้าขวบ ผมดูวีโดโอแนวนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนลายเต็มจอ ก็ไม่ยอมเลิกดู (เดี๋ยวนี้ดูแนวผู้ชายสู้แก้ผ้าสู้กับผู้หญิงแทนละ ฮิฮิ)
เป็นความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างหนังที่นำเอากลิ่นอายของหนังแนวหุ่นยนต์เรนเจอร์มาผสมกับแนวสัตว์ประหลาดหลุดโลกอย่างก็อตซิลล่า ตัวอย่างหนังเน้นนำเสนอฉากต่อสู้ กราฟฟิคอันตระการตาซึ่งน่าจะเป็นจุดขายของตัวหนัง ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ได้คาดหวังกับเนื้อเรื่องก่อนมาดูมากนัก แต่ทว่าพอได้ดูจริงๆ เนื้อเรื่อกลับมีอะไรอยู่เยอะเหมือนกัน ตัวหนังมีเหตุผลมีที่มาที่ไป รัฐบาล(ตัวแทนชาวโลก) ร่วมมืกันไม่ใช่เพราะอยากเห็นหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาด การกระทำมีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ ทำให้รู้สึกอินกับเนื้อเรื่องเหมือนดูภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟเรื่องหนึ่ง และนอกจากหุ่นยนต์แล้ว เนื้อเรื่องยังให้ความสำคัญกับเรื่องราวระหว่างคนไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งก็ให้อารมณ์สนุกไปอีกแบบหนึ่ง มีตัวละครอย่างสองด็อกเตอร์มาช่วยสร้างสีสันและไขปริศนาของพวกต่างดาว มีพ่อค้าชิ้นส่วนสัตว์ประหลาดให้ภัตตาคารฮ่องกงในตลาดมืด สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์เป็นมากกว่าเรื่องหุ่นยนต์เรนเจอร์สู้กับสัตว์ประหลาด
แต่ถึงแม้เนื้อเรื่องจะดูมีรายละเอียดและสีสัน แต่ก็ยังขาดมิติของตัวละครอยู่บ้าง ตัวละครเดาง่าย ตัวอิจฉาพระเอกก็ดูโฉ่งฉ่าง ท่านนายพลที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา พระเอกนางเอกแสนเก่งและตกหลุมรักกันง่าย ตัวละครเหล่านี้ดูไปคล้ายตัวละครสำเร็จรูปที่ยกเค้ามาจากการ์ตูนญี่ปุ่นหลายๆเรื่อง และฉากแอ็คชั่นตอนสุดท้ายก็ดูยังไม่ค่อยสะใจถึงใจเท่าไหร่ ฉากต่อสู้กันตอนกลางเรื่องในเมืองดูจะมันส์อลังการน่าเอาเป็นฉากท้ายมากกว่า ตัวละครบางตัว(ไม่ขอสปอยล์ว่าเป็นตัวไหน) ไม่น่าเขียนบทให้ตาย เพราะเหมือนเอาไปตายเปล่าไม่มีผลต่ออารมณ์ผู้อ่านเลย ถ้าตัวละครอีกตัวไปตายแทนคิดว่าจะเรียกอารมณ์คนอ่านได้มากกว่านี้ ฉากดราม่าไม่ได้สะกิดต่อมน้ำตาเลยแม้แต่กระผีก
หนังเรื่องนี้ถึงจะขายกราฟฟิคและฉากแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ใหญ่ แต่ก็มีแฝงแง่คิดบางอย่างไว้ซึ่งผมว่าคมคายใช้ได้เลย การบังคับหุ่นยนต์ต้องใช้ความทรงจำในการเชื่อมต่อ เนื่องจากหุ่นยนต์ต้องบังคับด้วยสองคนทำให้อีกฝ่ายหนึ่งสามารถเข้ามาผสานความทรงจำร่วมกับเราได้ พระเอกแต่เดิมบังคับคู่กับพี่ชายของตัวเอง แต่ภายหลังได้คู่บังคับหุ่นยนต์คนใหม่ก็เปิดเผยความในใจให้ฟังว่า มันยากที่จะปล่อยวางความทรงจำเก่าๆแล้วไว้ใจให้ใครสักคนหนึ่งเข้ามาร่วมรับรู้กับเรา (จำไม่ค่อยได้ละ พอดีมัวแต่มัวเอามันส์ เลยไม่ค่อยคิด ฮ่าๆ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นแง่บางมุมของคนเราในชีวิตจริงเหมือนกัน
เป็นหนังสนุก ถ้าอยากดูอะไรที่บันเทิงใจก็แนะนำให้ดูครับ เป็นหนังที่คุ้มค่าตั๋วเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่หนังหุ่นยนต์แบบเด็กๆแน่ครับ ผู้ใหญ่ดูได้ เผลอๆอินกว่าเด็กดูอีก ผมให้ 9/10 ครับ ส่วนใครจะให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ความชอบ ความเห็นของผู้นั้นนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น