วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อิสระภาพที่ถูกขังในหน้าปัดนาฬิกา


พ่อสอนผมไว้  ดูนาฬิกาบ่อยๆ  เวลาเป็นสิ่งสำคัญ
นาทีสองนาทีมีค่า  แสดงถึงความมีวินัย  ให้เกียรติ มีสัจจะ  ใครผิดเวลาพ่อโกรธมาก
ผมซึมซับแค่คำสอนแรก  ดูนาฬิกาบ่อยๆ  ใครผิดเวลาผมไม่โกรธ  ไม่โกรธคนอื่น  ไม่โกรธตัวเอง
เวลาสำคัญ  และผมให้ความสำคัญ  รวมกันแล้วโคตรสำคัญ
เสื้อเชิ๊ต กางเกงแสล็ค รองเท้าหนัง  รวมราคากัน  ถูกกว่านาฬิกาบนข้อมือซ้าย
ในบรรดามนุษย์เงินเดือนออฟฟิศด้วยกัน  นาฬิกาข้อมือของผมอาจแพงที่สุด
แต่คืนนี้  งานมอบหมายล้นตัว  ต้องเสร็จพรุ่งนี้  ไม่งั้นเสร็จกัน
เวลายิ่งสำคัญ ยิ่งบีบคั้นหัวใจ  เข็มวินาทีเดิน "ติ๊กๆ"แผ่วเบา  ทุกติ๊กที่แผ่วเบาทำเอาหัวใจสะดุ้งเฮือก
เวลาไม่ปราณีใคร  แม้แต่มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานไม่ทันคนหนึ่ง  เวลาก็ไม่ใจอ่อน
แต่คืนนี้!!  ไม่เหมือนคืนนี้ครั้งก่อนๆอีกหลายคืนนี้ที่ผ่านมา!
คนเราเป็นผู้คิดค้นเวลา  สร้างนาฬิกา  ไฉนพันปีต่อมา  เราตกเป็นทาสของมัน
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด  โดยเฉพาะผม  ผมจะไม่เป็นทาสของสิ่งไม่มีตัวตนอีกต่อไป
เวลาใช้ชีวิตที่มีค่า  เอาไปกดดันตัวเองในแต่ละวินาที   มีแต่ความร้อนรุ่ม  คุ้มที่ไหน
ชีวิตผม  ความสุขของมวลมนุษยชาติ  ไม่ควรจะถูกจองจำในหน้าปัดเล็กๆ  เดินวนเวียนซ้ำซากจำเจวันละสองรอบแบบนี้
ผมลุกขึ้นยืน  ขว้างนาฬิกาออกไป  ด้วยแรงขบถที่โหยหาอิสระมาช้านาน
นายทาสที่กดขี่ผมมานาน  พุ่งเข้ากระแทกผนัง  หน้าปัดหลุด  เข็มสั้นยาวกระจายไปคนละทิศทาง
นี่แหละรสชาติของการปฏิวัติ   การปฏิวัติแห่งยุคโลกภิวัฒน์  ปลดแอกตนจากนายทาสที่ไร้ตัวตน
คืนที่ยิ่งใหญ่  ชายผู้ได้รับอิสรภาพ  ไม่ต้องเกรงกลัววันพรุ่งนี้อีกต่อไป  สะใจทุกวินาทีแห่งชีวิต
กี่ปีแล้ว  ตั้งแต่เริ่มทำงาน   ไม่เคยได้หลับสบายเต็มตื่นแบบนี้มาก่อน
...........
เช้าวันใหม่
ชิบหาย  มาสาย  งานไม่เสร็จ  เจ้านายเหม็นขี้หน้าด่ายับ  ลดขั้น  ตัดเงินเดือน  เพื่อนหัวเราะเยาะ
แต่ที่อยากจะร้องไห้จริงๆ  นาฬิกาแพงหูฉี่  พังอย่างไร้ทางซ่อม ไร้เหตุผล
เมื่อคืนทำไปได้ไงวะ  โง่ชิบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น