วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ... หนังสือที่เขียนยากที่สุดในโลก



คาบเรียนวิชาเภสัชบริหารในวันศุกร์ ผมได้รู้จักกับบุคคลที่ชื่อ ฌาค โดมินิค โบบี้ ผู้ที่เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า the diving bell and the butterfly หรือในชื่อภาษาไทยว่า ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ คงสงสัยกันใช่ไหมครับว่าที่ว่าเขียนยากที่สุดในโลกนั้นเป็นอย่างไร

ฌาค โดมินิค โบบี้ คืออดีตบรรณธิการของนิตยาสาร ELLE นิตยสารสำหรับสุภาพสตรีชื่อดังของฝรั่งเศส หนังสือ ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ เป็นหนังสือเล่มขนาดเล็กยาวเกือบสองร้อยหน้า  เล่าเรื่องบางช่วงของชีวิตคนๆหนึ่งที่บอกเล่าผ่านสำนวนและจินตนาการที่แพรวพราว ซึ่งไม่เป็นที่แปลกใจสำหรับคนที่เป็นถึงบรรณาธิการนิตยาสารชื่อดัง  แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเขาเขียนหนังสือเล่มนี้ในช่วงที่เป็นอัมพาตทั้งตัวเนื่องมาจากหลอดเลือดในสมองแตก(stoke) เหลือเพียงเปลือกซ้ายที่ขยับได้และจินตนาการความคิดที่ยังโลดแล่น ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต(หรืออาจเรียกได้ว่าชีวิตใหม่)เขาตัดสินใจที่จะฝากอะไรบางอย่างไว้กับโลกใบนี้  ชุดประดาน้ำและผีเสื้อจึงได้ถือกำเนิดจากความมานะพยายามอันไม่สิ้นสุด

เวลาเขียนหนังสือเขาจะมีผู้ช่วยอยู่หนึ่งคน ผู้ช่วยจะไล่ท่องตัวอักษรทีละตัวโดยที่เขายังหลับตาอยู่ พอถึงตัวอักษรที่ต้องการก็จะเปิดเปลือกตาขึ้น เฉลี่ยแล้วการเขียนคำหนึ่งคำอย่างเช่น university จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที  ในแต่ละวันจะใช้เวลาเขียนหนังสือประมาณ 5 ชั่วโมง เมื่อได้รู้ดังนี้ เลิกเรียนปุ๊บผมก็รีบไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านในทันที  ปรกติเวลาอ่านหนังสือทั่วไปผมจะเน้นอ่านเร็วๆให้พอรู้เรื่องราว แต่สำหรับเล่มนี้ผมอ่่านให้ชัดเจนทุกตัวอักษร เพื่อซึมซับและให้เกียรติแก่ความมุมานะของผู้เขียน  หนังสือเล่มนี้หยิบเอาเรื่องราวชีวิตธรรมดาและชีวิตที่ไม่ค่อยมีอะไรให้เล่าอย่างช่วงที่เป็นอำมพาตในโรงพยาบาล ผู้เขียนกลับบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นผ่านแง่มุมที่เต็มไปด้วยจินตนาการ เรื่องราวที่ดูไม่มีอะไรก็กลายเป็นเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา ส่วนชุดประดาน้ำละผีเสื้อจะหมายถึงอะไรนั้น ก็ลองไปหาคำตอบกันในหนังสือเล่มนี้นะครับ

การทีี่ได้รู้เบื้องหลังการเขียนหนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมได้มาก ในฐานะที่ผมก็กำลังเขียนหนังสือเหมือนกันนั้นรู้สึกทึ่งในความพยายามของผู้เขียนท่านนี้ ก่อนหน้านี้ลำพังมือเท้าและสมองที่ปรกติของผมก็มีท้อแท้เหนื่อยหน่ายอยู่เป็นระยะ แต่เรื่องราวของ ฌาค โดมินิค โบบี้ ทำให้ผมรู้ว่าต้องพยายามมากขึ้น สิ่งที่เราท้อแท้อยู่ทุกวันนี้มันช่างดูจิ๊บจ๊อยจริงๆ

1 ความคิดเห็น: