วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ปรัชญาจากการปวดอึ



อึที่ใดก็ไม่สุขใจเท่าอึที่บ้าน นี่คงเป็นปรัชญาประจำใจของนักเรียนกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อย
ผมอายุ 18 เรียนจบมัธยมปลายแล้ว ก็หนีไม่พ้นสัจธรรมข้อนี้เหมือนกัน
วันนี้วันแรกที่ผมได้ไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่โรงเรียนAUA ตามคำสั่งของแม่
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่มีอะไรมาก เรื่องของเรื่องคือผมปวดอึครับ
หลายคนคงเป็นเหมือนผม ถ้าไม่จำเป็น ถ้าข้าศึกไม่รุกโรมโหมหนักจริงๆ ก็เก็บไว้ไปปลดปล่อยที่บ้านดีกว่า
แต่วันนี้ผมตัดสินใจ ที่จะไม่ตกเป็นทาสสายตาคนอื่นๆอีกต่อไป
การตัดสินที่ยิ่งใหญ่ ของผู้กล้าวัยรุ่นหน้าใส เขา(ผม)ตัดสินใจอึที่ห้องน้ำของAUAครับ
ไอ้ตอนแรกที่ปวดมากๆ พอประทับพระบัลลังค์cotto ความปวดกับปลาสนาการสิ้น
เกือบจะล้มเลิกความตั้งใจ ทำท่าจะถกกางเกงขึ้น แต่แล้วก็ตัดสินใจ.... เอาวะให้มันถึงที่สุด
หลังจากนั้น ก็ตามมาด้วยเสียง ......(อ้ะ โดนเซ็นเซอร์)
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมฉุกคิดถึง เอ่อ..ข้อคิดเชิงปรัชญาบางข้อ
"บางครั้งคนเราก็ไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง"
เคยไหมครับ เดินเข้าไปในร้านขนม เสียงในหัวบอกอย่างแผ่วๆว่า "อยากหนมๆ" ตัดสินใจเลือกไว้ว่ายี่ห้อนี้ซองนี้น่าจะอร่อย
แต่พอกินไปครึ่งเดียว รู้สึกว่าคราวนี้ไม่อร่อย แต่ก็ฝืนกินให้หมด เพราะใจเคยกำหนดไว้ว่ายี่ห้อนี้อร่อย ไม่อยากทรยศคำสั่งที่ใจสั่งมา
ผมว่าข้อคิดนี้เอาไปใช้กับเรื่อง ความใฝ่ฝันได้นะครับ
บางครั้งเราเคยอยากจะทำหรืออยากจะเป็นอะไร แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆก็ไม่ใช่สิ่งที่เราฝัน
แต่ผมคิดว่าชีวิตที่ล้มเหลวไม่ใช่ชีวิตที่เข้าไปนั่งส้วมแล้วค่อยรู้ว่าไม่ปวด แต่เป็นชีวิตที่ปล่อยไว้จนสุดท้ายมันอั้นไม่ไหว
แต่ความฝันที่เราท้อแท้ที่จะสานต่อมันและคิดว่าไม่ใช่ ถ้าเราสานต่อไปอีกสักนิด อาจจะพบว่าที่สุดของที่แท้มันกลับใช่
ดังเช่นผมที่ตัดสินใจนั่งต่อไป และก็ได้พบกับความสะดวกโล่งสบาย มั่นใจทุกอิริยาบถ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ

4 ความคิดเห็น:

  1. คนโง่ทำอะไรให้คุณครับ...


    คนปวดอึ ไปทำอะไรให้คุณครับ...

    ตอบลบ
  2. คุณมีความฝันไหม?

    ...

    ทำให้มันเป็นจริงสิ

    ปล.เอามาเทียบกับเรื่องที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมได้สุดยอดจริง ๆ

    ตอบลบ