ส่งการบ้านของพี่ Pj Anderson
คำสั่ง : ให้นำพล็อตหลักที่กำหนดให้ไปเขียนให้แตกต่างกันห้าแบบ
พล็อตหลัก : ชายหนุ่มเอื้อเฟื้อที่นั่งให้กับหญิงชราบนรถเมล์ หญิงชรานั่งต่อไปป้ายเดียวก็ลง
1. เมื่อรถเมล์จอดเทียบท่า ฝูงชนก็กรูกันขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ คนมาก่อนได้นั่งก่อน คนขึ้นทีหลังก็ต้องยืนเอา กระเป๋ารถเมล์ตื่นจากภวังค์ขึ้นมาทำหน้าที่ “ชิดในเพ่ ชิดใน” ชายหนุ่มมนุษย์เงินเดือนก็ถูกเสียงจ้อกแจ้กจอแจปลุกให้ตื่นจากการสัพงกเช่นกัน สิ่งแรกที่เขามองเห็นก็คือกลุ่มคนที่ยืนโหนราวอย่างแออัดยัดเยียด และในกลุ่มคนนั้นเขาก็เห็นหญิงชรารางเล็กคนหนึ่ง ยืนสั่นงกๆเหยียดแขนเกาะราวสุดล้า ข้างกายของชายหนุ่มนั้นเล่าก็นั่งไว้ด้วยหญิงท้องแก่ เขาตัดสินใจลุกขึ้นและบอกให้หญิงชรามานั่งแทนตน หญิงชรายิ้มขอบคุณแล้วเดินเข้ามานั่งแทนที่ชายหนุ่ม ชายหนุ่มยืนโหนราวอย่างภาคภูมิใจ กล้ามองคนอื่นได้เต็มสายตา เมื่อรถเมล์เทียบจอดป้ายต่อไป หญิงชราก็ลุกจากที่นั่ง แล้วเดินลงจากรถไป
2. รถเมล์จอดเทียบท่า ฝูงชนกรูขึ้นสวนกันกับฝูงชนที่กรูกันลง กระเป๋ารถเมล์ตะโกนโหวกเหวกระบายความตึงเครียดที่ทั้งวันไม่ได้รับการผ่อนคลาย มลพิษทางอากาศและทางเสียงทำให้คนในรถส่วนใหญ่หน้าบึ้ง ชายหนุ่มนั่งหนีบขา ช้อนตามองคนอื่นอย่างหวั่นๆ เขายังไม่คุ้นกับเมืองกรุงที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหงื่อไคลเช่นนี้ ชายฉกรรจ์ร่างท้วมผู้หนึ่งรีบตรงมาทรุดนั่งลงที่เบาะข้างๆกับเขา ค้อนตามองเขาวูบหนึ่งแล้วแสร้งหลับส่งเสียงกรนเบาๆ ชายหนุ่มมองสติกเกอร์ที่ติดบนผนังรถ เขาจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่หกมา จึงพอจะอ่านออกว่า “โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งให้กับสตรี เด็ก และคนชรา” ทันใดนั้นสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นหญิงชราร่างเล็กผู้หนึ่ง ยืนอิงแอบอยู่ในกลุ่มคนที่แออัดเบียดเสียด ชายหนุ่มลุกขึ้นและบอกให้หญิงชรามานั่งแทนที่ตน หญิงชราเดินเข้ามากล่าวขอบคุณอย่างยิ้มแย้มและแตะตัวเขาอย่างเป็นมิตร ก่อนจะไปนั่งแทนที่ชายหนุ่ม รถเมล์แล่นจนถึงป้ายต่อไป หญิงชราก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินลงจากรถ แกไม่ลืมที่จะส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างอุ่นใจ แกเดินลงมาพร้อมกับผู้โดยสารกลุ่มหนึ่ง หยิบกระเป๋าเงินที่ตนเพิ่งฉกได้ขึ้นมาเปิดดู “อ้ายบ้านนอกนี่พอมีเงินเหมือนกันว่ะ”
3. รถเมล์จอดเทียบป้าย แต่เดิมก็ไม่ค่อยมีผู้โดยสารอยู่แล้ว ครั้งนี้มีผู้โดยสารขึ้นมาเพียงคนเดียวก็คือ หญิงชราร่างเล็ก ปากแกเม้มตัวสั่นเทิ้ม ที่นั่งว่างไปหมดแต่หญิงชรากลับยืนเกาะราว ท่าทางดูเกร็งๆชอบกล “ไม่นั่งล่ะป้า”กระเป๋ารถเมล์ถาม หญิงชราส่ายหน้ารัวๆ ชายหนุ่มเห็นแล้วขัดใจยิ่งลุกจากที่นั่งไปรวบเอ็วหญิงชรามานั่งกับเบาะของตน แล้วตนก็ไปยืนโหนราวแทน “ผมให้เกียรติคนชราแล้วนะ”ชายหนุ่มบอก “บ้ากันทั้งคู่เลย”กระเป๋ารถเมล์พูดพลงสั่นศีรษะ ทันใดนั้นกลับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยไปทั่วคันรถ ผู้โดยสารทุกคนพากันย่นจมูก คนขับตะโกนถามว่า “กลิ่นขี้ที่ไหนวะ” ชายหนุ่มหันไปมองหญิงชราอย่างสงสัย หญิงชราหัวเราะแหะๆตอบว่า “ช่วยไม่ได้ ก็เอ็งอยากจับข้ามานั่งกับเบาะเองนี่” “เฮ้ย! ป้า..โอ้โห”กระเป๋ารถเมล์โวยวาย “เดี๋ยวป้ารีบลงด่วนเลยนะ..อื้อ หือ...แหวะ” พอรถเมล์จอดป้ายหน้า หญิงชราก็ยอมลงแต่โดยดี ผู้โดยสารคนอื่นๆพากันลงด้วย และคนที่รอรถอยู่ก็เลือกจะรอคันต่อไป
4. ผมเบื่อกับกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำซากนี่เต็มทนแล้ว การโดยสารรถเมล์ก็เป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ผมเคยหวังว่าสักวันจะเจอกลุ่มเด็กช่างกลมาตีกันในรถเพื่อเพิ่มสีสันให้กับสิ่งซ้ำซากเหล่านี้บ้าง แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นและไม่ใช่อย่างทุกวัน ผมเห็น “เธอ”นางฟ้าคนหนึ่ง เสียบหูฟังยืนโหนราวอยู่ เสื้อแขนกุดรัดรูปสีชมพู เอวลอยนิดๆ กางเกงขาสั้นสีดำที่รัดรึงยิ่งกว่า ผิวขาวๆกับเหงื่อชุ่มตามปอยผมทำให้เธอดูเหมือนนักวิ่งจ็อกกิ้งสมัครเล่นคนหนึ่ง นี่มันสเป็คผมชัดๆ ผมมองหาลู่ทางได้ใกล้เธอแทนที่จะมานั่งมองเฉยๆเหมือนครั้งก่อน นั่นไงเจอแล้วลู่ทางของผม หญิงชราร่างเล็กคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ใกล้ๆเธอด้วย
“ยายมานั่งแทนผมดีกว่าม่ะ”ผมร้องออกไป เร่งเสียงให้ดังเพื่อจะให้คนอื่นได้ยินกันทั่วหน้า
“ขอบใจจ้า”หญิงชรากล่าว แล้วจึงเดินมาเปลี่ยนที่นั่งกับผม
ตอนนี้ผมยืนอยู่ยืนอยู่ข้างหลังเธอตรงตำแหน่งเหมาะเจาะ พอที่จะโน้มหน้าไปหอมซอกคอเธอได้ เธอถอดหูฟังออกแล้วหันมากล่าวกับผมว่า
“คุณมีน้ำใจจังเลยนะคะ”
“อ๋อ แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ”
“แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ก็ทำให้เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ได้นะ”
“คุณก็มีเสน่ห์ไม่เบาเหมือนกัน ขอโทษนะครับที่เมื่อกี้ผมเอื้อเฟื้อที่นั่งให้ยายแทนที่จะให้คุณ”
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนี่คะ”หญิงสาวถาม ยิ้มอย่างหยั่งอารมณ์
“ให้ผมไถ่โทษคุณโดยการพาคุณไปเลี้ยงข้าวซักมื้อได้ไหมครับ”
“นี่คุณคิดจะจีบฉันใช่หรือเปล่า”รอยยิ้มของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นยิ้มพราย
“ความจริงผมอยากจะจีบเหมือนกัน แต่จีบไม่เป็น คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับว่าผมควรจะเริ่มต้นอย่างไร”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก บอกว่า “ต้องเริ่มจากถามชื่อก่อน แล้วค่อยถามเบอร์โทร”
“อ้า ผมจะเริ่มแล้วนะครับ สวัสดีครับ ผมอยากทราบชื่อเพราะๆของคุณ กับเบอร์โทรที่ติดต่อได้ในยามที่ต้องไกลกัน”
หญิงสาวหัวเราะ บิดตัวไปมาอย่างเขินๆก่อนจะตอบว่า “ชื่อกิฟต์ค่ะ ส่วนเบอร์โทรศัพท์ ศูนย์แปดสี่...”
เรื่องจำเบอร์โทรศัพท์ผู้หญิงเป็นเรื่องหมูสำหรับผมแล้วครับ แต่ผมแกล้งทำเป็นทวนเบอร์ผิดๆ เพื่อให้เธอสนใจที่ผมมากขึ้น ผมว่าผมคงฝันหวานแล้วล่ะคืนนี้ จนกระทั่งรถเมล์จอดเทียบป้ายต่อไป ยายชราร่างเล็กก็ลุกขึ้น แล้วพูดดุๆกับผู้หญิงที่ผมกำลังคุยด้วยว่า
“ถึงแล้ว ไอ้กื่ม แหม.. เกิดเป็นลูกผู้ชายดันมาทำตัวเป็นตุ๊ดยั่วผู้ชายไม่อายชาวบ้าน กูอยากจะอกแตกตายแทนพ่อแม่มึงจริงจริ๊ง!”
“มาประจานฉันทำไมเล่ายาย ไปก็ไป!”เธอหันไปตะคอกกลับด้วยเสียงที่พร่าเหมือนเสียงเป็ด จากนั้นหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหวานๆว่า “แล้วติดต่อมานะคะ”
สองยายหลานเดินลงจากรถไป ทิ้งให้ผมยืนโหนราวอย่างอึ้งกิมกี่
5. หญิงชราร่างเล็กเดินขึ้นรถเมล์ ที่ไหล่ซ้ายของแกสะพายย่ามลายดอกซึ่งน่าจะหนักใช่เล่น เพราะไหล่แกคู้ลง ที่นั่งเต็มหมดแล้วในตอนนี้ ชายหนุ่มบอกให้หญิงชรามานั่งแทนที่ตน เขากะจะช่วยหญิงชราปลดเป้วางลงแต่แกปฏิเสธ แกคงจะหวงย่ามใบนี้มากเพราะระหว่างเดินมาก็พยายามไม่ให้มันไปถูกตัวใคร พอรถเมล์แล่นไปจอดป้ายต่อไปหญิงชราก็เดินฉับๆจะลงจากรถ แกเดินเร็วและดูมีกำลังผิดกับคนชราทั่วไป ชายหนุ่มตะโกนบอกหญิงชราว่าลืมย่ามทิ้งไว้ แต่แกรีบเดินลงจากรถไปอย่างไม่สนใจ ผู้โดยสารบางคนลง ที่รออยู่ตามป้ายบางคนก็ขึ้น รถเมล์แล่นจากไประยะหนึ่ง หญิงชราก็ล้วงมือถือขึ้นมากดหมายเลข
ตูม!
เสียงระเบิดกึกก้อง เปลวไฟพวยพุ่งเป็นดอกเห็ด ตามด้วยเสียงคนกรีดร้อง โครงรถเมล์ลอยคว้างกลางอากาศ ขณะที่ไม่มีใครสนใจแก หญิงชราก็กระชากหน้ากากของตนออก กลายเป็นใบหน้าชายฉกรรจ์เคราดก เขาเริ่มต้นบทสนทนาทางวิทยุสื่อสารว่า “อัสสลามมุอะลัยกุม”
ปล.1.เสร็จทันส่งครับหัวหน้า หุๆ มาปั่นทั้งหมดเอาตอนหัวค่ำนี่แหละ(ตอนแรกกะจะเบี้ยวแล้ว) กรุณาตรวจทาน ให้คะแนนและคำแนะนำด้วยเด้อครับ
ปล.2. พี่ทำมาหรือเปล่าครับ หึๆ ถ้าไม่ทำมาเดี๋ยวโดนยืนขาเดียวกางแขนคาบไม้บรรทัดนะครับ หุๆ
โอ้ว
ตอบลบอ่านของพี่ยัง
ตอบลบพี่ทำได้แค่ สองเรื่องเอง มึนแมนเก่งกว่าพี่อีก
เป็นการผูกเรื่องที่สนุกสนานดี แถมแหวกแนวกับหักมุมจนแทบจะไม่มีมุมให้หักแล้ว ^^"
ตอบลบแต่ว่าเนื้อเรื่องส่วนมากก็ยังดูเป็นอะไรที่เลวร้ายหรือจะออกไปทางตลกร้ายมากกว่านะ อ่านแล้วไม่ค่อยประเทืองปัญญาเลย โดยเฉพาะอันสุดท้าย ทำไปได้ ชักไม่กล้าขึ้นรถเมล์แล้วสิ =w="