วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

เด่นด้วยดี มีบ้างไหม

คุณเคยอยากเป็นที่สนใจของคนอื่น หรืออยากให้ใครคนหนึ่งสนใจไหมครับ
ใครคนหนึ่งในที่นี้หมายถึงใครคนที่เราประทับใจ อาจจะเป็นผู้หญิงที่เราแอบชอบ หรืออาจจะเป็นคนอื่นที่เราอยากให้เขาเห็นความสำคัญของเรา
ใครคนหนึ่งที่ว่านี้คงจะมีอะไรบางอย่างโดนใจเราเป็นพิเศษ เช่น ท่าทีสบายๆ หน้าตาดี มีความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษ หรือบางครั้งอาจจะถูกชะตาอย่างหาเหตุผลไม่เจอ
เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนี้ สำหรับผมแล้ว ความรู้สึกที่ตามมาก็คืออยากโชว์ความเก่งที่ตัวเองมีออกไปให้เขาเห็น
ยกตัวอย่างเช่น รุ่นน้องคนหนึ่งกำลังเล่นบาส พอรุ่นพี่ที่เป็นฮีโร่ในดวงใจผ่านมาดู ก็เกิดความรู้สึกอยากแย่งลูกจากเพื่อนมาโชว์ท่าเลย์อัพสวยๆ
ผมคิดว่าผมพอจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ เพราะผมเป็นออกบ่อย เท่าที่ผมสังเกตจากตัวผมเอง ผมแบ่งความรู้สึกแบบนี้ได้เป็น 2 แบบ
1.ต้องทำอะไร เจ๋งๆเด่นๆ ให้เธอหรือเขาร้องว้าวในใจ
2.อย่าทำพลาด อย่าทำงึกๆงักๆต่อหน้าเธอหรือเขาเชียวนะ
สำหรับข้อ 2 นั้นผมเป็นบ่อยมากครับ ยิ่งตอกย้ำเท่าไหร่ก็ยิ่งพลาด ยิ่งเกร็งจนแสดงความทุเรศออกไป ผมเป็นบ่อยจนเริ่มเข้าใจกลไกของมัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทำอะไรกับความรู้สึกนี้ไม่ได้ ทุกข์ใจมาจนถึงทุกวันนี้
มาที่ข้อ 1 ซึ่งผมจะขอเน้นที่ข้อนี้นะครับ ขออนุญาตยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงของผมแล้วกันครับ ในชั้นเรียนผมไปสนใจเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า(ไม่ถึงขั้นปิ๊งหรอกครับ) ผมก็พยายามแสดง(อวด)ความฉลาดโดยการตอบคำถามครู ทำตัวเองให้ร่าเริงในสายตาคนอื่น สายตาผมก็คอยชายดูเธอว่าเธอสนใจเราบ้างไหม แต่เปล่าเลยครับ ทีแรกที่ผมยังทำตัวปรกติธรรมดา ผมยังแอบเห็นว่าเธอสนใจผมบ้าง(แค่สนใจอ่ะนะครับ) มากกว่าในตอนนี้เสียอีก
อย่าเพิ่งส่ายหน้าแล้วกดปิดหน้าต่างไปเสียล่ะครับ ผมคิดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้อาจจะยังเกิดขึ้นกับอีกหลายคน แม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
หลังจากที่รู้ว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรผม ผมก็มาถามตัวเองว่าเรายังไม่ดีที่ตรงไหน คำตอบที่ได้เป็นการถามตัวเองกลับครับ นั่นคือ… คุณเป็นคนดีแล้วหรือยัง คนดีในความเห็นของผมคือคนที่ทำสิ่งดีๆเป็นส่วนใหญ่
การแสดงความฉลาดให้คนอื่นเห็นเพื่อยกยอตัวเองเป็นสิ่งดีไหม ผมว่าไม่นะครับ การทำตัวร่าเริงเพื่อให้เป็นที่ชื่นชมในสายตาคนอื่น ถือเป็นความดีไหม ผมก็ว่าไม่เช่นกันนะครับ ผมว่าบ่อยครั้งมนุษย์จะมีเซ็นส์ในการแยกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มว่า มาจากความจริงใจหรือไม่ รอยยิ้มที่เผื่อแผ่ความปรารถนาดีกับรอยยิ้มที่มุ่งบำรุงหน้ากากตัวเอง ผมเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนก็คงแยกออกได้ด้วยเซ้นส์เช่นกันครับ (เรื่องแบบนี้ เด็กจะมีsenseที่เร็วมาก)
ผมนึกย้อนดูตัวเองว่าช่วงนี้ได้ทำความดีอะไรบ้าง เท่าที่นึกได้นั้นไม่มีเลย และพอคิดว่าเดี๋ยวจะทำความดีอะไรได้บ้าง ช่วงหนึ่งนาทีนั้นผมคิดไม่ออก ให้ดิ้นตายเถอะครับ! และนาทีต่อมาผมค่อยคิดได้ว่า เก็บขยะ โอ้ว! พระเจ้าช่วยมันกล้วยมาก การคิดเรื่องดีๆผมกลับด้อยกว่าเด็กอนุบาลบางคนเสียอย่างนั้น
ผมคิดว่าการใส่ใจกับบางสิ่งมากเกินไปจะทำให้เผลอละเลยบางสิ่งไปโดยไม่รู้ตัวนะครับ เช่น วัยรุ่นที่ลุ่มหลงในความรักจนลืมเลือนพระคุณของพ่อแม่ การที่คนเรามุ่งมั่นแต่จะทำให้ตนเองเก่งก็อาจจะทำให้ความคิดที่จะทำดี เลือนหายไป
ผมแอบไม่สนับสนุนถ้อยคำที่ว่า ให้ตัวเองเก่งก่อนแล้วค่อยทำความดี ครับ เพราะเมื่อเราเก่งจนถึงขั้นนั้นที่เราคิดว่าพอใจ ความคิดที่อยากจะทำดีก็อาจจะเลือนหาย มองไม่เห็นคุณค่าของการทำดีอีกต่อไป ถ้าจะเริ่มก็ต้องมาเริ่มใหม่อย่างเช่น คิดเก็บขยะ แต่งานเก็บขยะก็เป็นงานที่ดีและทำได้ง่ายนะครับ ผมคิดว่าจิตคิดดีก็ต้องได้รับการปลูกฝังไม่ต่างจากการฝึกฝนถึงจะมีได้ ถ้าไม่หมั่นรดน้ำก็จะเฉาตาย วัชพืชต่างๆก็จะขึ้นมาแทนที่
ผมว่าทางที่ดีควรจะพัฒนาความสามารถควบคู่ไปกับการทำความดี เท่าที่สมรรถภาพของเราจะเอื้ออำนวย(การเบียดเบือนตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องดีนะครับ หุๆ) และเมื่อถึงวันที่เราเก่งสมใจ เมื่อนั้นเราก็พร้อมที่จะนำความเก่งของเราไปทำเรื่องดีๆที่ยิ่งใหญ่ได้ในทันที
นี่เป็นแค่การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวครับผม ไม่ได้ตั้งใจยัดเยียดความคิดอะไรใส่หัวผู้อ่านหรอกครับ ใครเห็นอย่างไรก็ลองแสดงความคิดเห็นก็ได้นะครับ ที่ผมเขียนบทความ(เรียกว่าบทความได้ไหมนี่)ชิ้นนี้ก็เพราะอยากทำอะไรดีๆบ้าง ตอนนี้ผมคิดได้แค่นี้ล่ะครับ หวังว่านอกจากจะจับผิดผมเพื่อความสะใจ ผู้อ่านทุกท่านจะเกิดแรงจูงใจอยากทำความดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย ผมมีคำกล่าวอยู่ท่านหนึ่ง จำไม่ได้ว่าปราชญ์ท่านใดเป็นคนกล่าว แต่ประทับใจผมมาก
“ถ้าเราเปิดใจ แม้แต่เด็กทารกก็สอนเราได้”
ขอบคุณที่อ่านนะครับ

5 ความคิดเห็น:

  1. ฮ่าๆ พี่แว๊บมาอ่านบทความมึนแมนแล้วอยากทำดี

    ชอบที่มึนว่า อย่าให้เก่งก่อนแล้วค่อยทำดี

    ถ้าพูดแบบโยนองค์ความรู้ทั้งหมดทิ้งลงขยะ
    ผมก็ว่า ความดีทำเมื่อไหร่ก็ได้ ให้ผู้อื่นมีความสุขง่ายจะตายไป
    ประเด็นที่ต้องถามตัวเองทุกวันคือ เราเห็นแก่ตัวมากไปไหม?

    เรื่องความดี ปัจจัยมันเยอะ องค์ประกอบมันสับสนไปหมด
    โยนความรู้ทิ้งไป!

    หลายเรื่องทำก็ลำบากใจ ไม่ทำก็ลำบากใจ
    ช่วยไปคนอื่นใช่ว่าจะยินดีให้ช่วย คนทำดีมันเลยหดหาย
    อ่า! ผมว่าน่าเศร้า

    บางครั้งมีเหตุจูงใจให้ทำดี
    เด็กๆมีไหมครับ ทำดีสะสมแต้ม

    ผมแอบคิดในใจ หรือบางทีเล่าต้องทำแบบนั้นบ้างไหม


    จริงๆพระพุทธศาสนาก็มีกระบวนการนั้นอยู่แล้วว

    ทำดีสะสมแต้ม ชาติหน้าจะได้เกิดมากไม่ลำบาก ใช่เปล่า??


    ปล ว่าแต่ ที่มาอ่านบล็อคผมนั่นก็ถือเป็นการทำความดีนะ

    ผมให้หนึ่งแต้ม!!

    ตอบลบ
  2. ตลกอ่ะ มึนแมนเขียนอ่านเพลินดี

    ฮ่าๆ

    คนเราเรียนรู้ทุกอย่างได้จากสิ่งรอบตัวครับ

    ความดีกับความรู้เป็นคนละเรื่องกัน

    เว้นแต่ว่า เราเรียนรู้ที่จะทำดีครับ

    ตอบลบ
  3. ถ้า
    คนที่น่าสนใจ คือ คนที่เราสนใจ

    จะว่าขึ้นอยู่ที่เราอย่างเดียวก็ไม่ใช่
    เขาอย่างเดียวก็ไม่ใช่
    มันต้องดึงดูดใจซึ่งกันและกัน

    สร้างอะไรวันนึงอาจสร้างเสร็จ
    แล้วจะสร้างอะไร


    อ๊าย!


    มาปล่อยคำงงๆไว้แล้วไปดีกว่า
    โฮะๆ

    ตอบลบ
  4. แวะมาเยี่ยม เลยมาอ่านด้วยค่ะ

    เมื่อไรจะเจอกันสักที ...

    ตอบลบ
  5. อยากให้มีคนสนใจไม่ต้องเก่งก็ได้แต่ต้องดีนะ
    ถ้าไม่ดีต่อให้เก่งแค่ไหนก็จบ

    ความดีทำได้ง่ายมาก
    แค่เปลี่ยนวิธีคิดอะไรก็ดีขึ้นมาได้

    ^w^

    ตอบลบ