วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Monster University รั้วมหาวิทยลัยในอนิเมชั่น



หลังจากโดนข้อสอบซ้อมหัวใจซะอ่วม ก็ไปปลอบใจตัวเองกับพ่อและก็พี่สาวด้วยหนังในโรงสักเรื่อง  ทีแรกครั่นตาครั่นใจใคร่อยากดู Wolverine revenge แต่แล้วก็ได้คำสารภาพหลุดปากมาจากพี่สาว(ช้างป่าไทย)ว่า "แอบโหลดบิทมาดูซูมก่อนแล้ว" แม่! อย่างนี้มันน่าแจ้งสวนสัตว์ เอ้ย! โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและแอบดูก่อนผมซะให้เข็ด  แล้วรอบหนังก็บีบบังคับให้มันตรงกับรอบฉายของ Monster University  ในใจไม่ค่อยใคร่อยาก(ไข้อยาก)ดูเหมือน wolverine แต่ก็เอาเหอะ ดูก็ได้ ไหนก็มาแล้ว  หนังเหมือนกัน




บริษัท Pixar ขึ้นชื่อนี้เมื่อไหร่เป็นต้องเชื่อใจได้ในเรื่องอนิเมชั่น  ถึงแม้ได้ดูตัวอย่างหนังในโรงมาหลายรอบและรู้สึกเฉยๆกับมัน  แต่เมื่อไหร่ที่ด่วนตัดสินไปแบบนี้ก็มักจะเจอกับหนังดีผิดคาดอยู่เรื่อยไป  หลังยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และโฆษณา Hilux Vigo Champ หนึบ ก็ได้รับชมกับ "ร่มน้อยสีฟ้า" โปรเจคเล็กๆที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์  น่ารัก ลุ้นไปกับชะตาของร่มฟ้าหนุ่มน้อยที่มีชีวิต  ไปตกหลุมรักกับร่มสาวสีชมพูที่มีความรู้สึก โดยที่ผองเพื่อนอย่าง ไฟจราจร  ฝาท่อน้ำ ร่องระบายน้ำหลังคา และคณะ  คอยเอาใจและตัวช่วยโดยไม่ไม่ตกเป็นที่สังเกตแก่คนอย่างเราๆที่เดินไปเดินมา  และเรื่องก็จบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง  เป็นหนังอนิเมชั่นสั้นๆที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลย  เหมือน Pixar ต้องการเอามานำเสนอเฉยๆ  สวยงามและสร้างสรรค์ดีครับ

Monster University นั้นคือการบอกเล่าความเป็นมาก่อนจะมาเป็น Monster Inc   นักล่าเสียงกรีดร้องของเด็กๆ  ซึ่งบุคคลเหล่านี้เปรียบเสมือนฮีโร่ เพราะโลกของสัตว์ประหลาดนั้นต้องอาศัยพลังงานความกลัวจากโลกมนุษย์มาใช้เป็นพลังงาน  ไม่ต่างจากน้ำมัน หรือไฟฟ้าบ้านเรา  หนังเล่าเรื่องราวของ  ไมเคิล ซาวาซกี้ เจ้าตัวเขียวตาเดียวหน้าตาน่ารัก  ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆว่าโตขึ้นมาจะเป็น  นักล่าเสียงกรีดร้อง   ไมเคิลความมุ่งมั่นและพยายาม ชดเชยปมด้อยเรื่องความน่าเอ็นดูของตัวเองจนสามารถสอบเข้า Monster University คณะ เขย่าขวัญ ได้สำเร็จ  และที่นั่นเอง เขาได้เจอกับ เจมส์ แซลลิแวน  สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนปุยที่เกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียง  พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่น่ากลัวซึ่งเป็นที่อิจฉาของบรรดาสัตว์ประหลาด  ในภาคนี้หนังจะพาเราไปเยี่ยมชมในรั้วมหาวิทยลัยในรูปแบบของมอนสเตอร์น่ารักๆ  และจะได้รู้ว่าก่อนที่ทั้งสองจะเป็นซี้ปึกกัน Monster Inc. นั้น เคยเขม่นกันมาขนาดไหน

ถึงจะเป็นอนิเมชั่นที่มุ่งเจาะตลาดสำหรับเด็ก  แต่ดูไปดูมาแล้วสะท้อนให้เห็นสังคมนักเรียนในปัจจุบัน  เด็กบางกลุ่มเกิดมามีข้อจำกัดบางอย่างเลยมีแรงขับดันให้เรียนเก่ง และมีความรับผิดชอบ  เด็กบางกลุ่มมีพ่อแแม่หาทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว เลยไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม  ทำเท่ห์เอาหน้าเอาตาตามใจตัวเองไปวันๆ  อีกทั้งสะท้อนทัศนคติคนส่วนใหญ่ที่เดี๋ยวนี้มักตัดสินคนจากภายนอก   การที่สัตว์ประหลาดตัดสินอนาคตคนอื่นจากความน่ากลัวของรูปลักษณ์ ผมว่าไม่ต่างจากการที่คนเราตัดสินคนอื่น ตรงหน้าตา บุคลิก หรือความรวยเลย  และนอกจากนี้หนังยังต้องการจะสื่อถึงคนดูว่า  ความต่างไม่ใช่จะต้องหมายถึงความแปลกแยกหรือปมด้อยเสมอไป  แต่เราสามารถนำมาพัฒนาเป็นจุดเด่นได้    อย่างในเรื่องนี้ สัตว์ประหลาดที่ลงแข่งขัน " Scare Game" (ไปดูกันไหนหนังนะครับ อิอิ) ทีมเดียวกับไมเคิล ซัลลิแวนนั้น แต่ละตัวดูประหลาดแต่บ้องแบ๊วไร้น้ำพิษเอามากๆ  แต่ตอนหลังๆของเรื่องกลับดึงเอาจุดประหลาดของตนมาใช้หลอกให้คนอื่นกลัวได้สำเร็จ  ดูแล้วชวนให้นึกย้อนถึงการทำงานในชีวิตประจำวัน  ที่บ่อยครั้งคนอื่นมักมาด่วนตัดสินเรา(หรือไม่ก็เราตัดสินคนอื่น) ว่าทำนู่นไม่ได้หรอก นี่ไม่ได้นะ  ก็อยู่ที่เราเลือกเชื่อเลือกทำล่ะครับ  ออกจากโรงแล้วอยากทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง



วิพากษ์มาซะเยอะเลย เข้าเรื่องวิจารณ์กันบ้างดีกว่า  เรื่องความสนุกสนานแบบอนิเมชั่นน่ารักๆนั้นเรื่องนี้รับประกันได้ครับ  ไอเดียเรื่องโลกสัตว์ประหลาดและการออกแบบสัตว์ประหลาดแต่ละตัวแสดงถึงความสร้างสรรค์และใส่ใจของผู้สร้าง  มีมุกตลกแทรกมาอยู่เรื่อยๆ  ไม่ถึงขั้นขำก๊ากจนตกเก้าอี้  แต่ขำแบบพาเพลินเหมือนดื่มกาแฟเบอร์ดี้(มีก๊ากอยู่เหมือนกันนะ) หนังมีครบทุกอารมณ์ครับ สนุก ตลก ตื่นเต้น  ซึ้ง  สะท้อนสังคม หลอน(แอบมีนะ  ผมหลอนวิธีหลอกเจ้าหลายตาเอามาก  ฮ่าๆ) แต่ไม่มีอารมณ์ หื่น กับซาดิสซ์นะครับ  ใครหวังสองอารมณ์หลังรับรองผิดหวัง  และคงบ้าไปแล้วถ้าจะหวังมันจากการ์ตูนอนิเมชั่น
ขี้เกียจวิจารณ์ข้อด้อยแล้วครับ   โดนข้อสอบเล่นมาเยอะแล้ว  ขอโลกสวยวันหนึ่งเถอะ  เรื่องนี้ผมให้คะแนน 9.5/10 ครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น