สำหรับภาพยนตร์ภาพยนตร์ที่กำลังพูดถึงกันมาในช่วงนี้
คงจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจาก Man of steel ที่ได้เจ้าของผลงานภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่เปี่ยมคุณภาพอย่าง
The Dark knight มานั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์และคนเขียนบท อีกทั้งยังได้ Zack
Snider เจ้าของผลงานแอคชั่นสุดมันส์อย่าง 300 มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ
รวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์ที่เผยให้เห็นว่าฉากในภาพยนตร์นั้นตระการตาแค่ไหน
Man of Steel จะเล่าถึงความเป็นมาของซุปเปอร์แมนตั้งแต่ประวัติดวงดาวบ้านเกิด เมื่อดาวคริปตอนใกล้จะถึงจุดจบ นายพลซ็อคก็ได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจจากสภาสูงสุด จอร์ เอล กับภรรยาของเขาได้ส่ง คาร์ล เอลบุตรชายแรกเกิดมายังโลกมนุษย์ด้วยเหตุผลบางประการ
ในโลกมนุษย์เขาคือ คลาร์ก เคนท์
ผู้ที่พยายามจะทำตัวให้กลมกลืนกับมนุษย์ของคนอื่น เพราะพ่อบุญธรรมของเขาเชื่อว่าในตอนนี้โลกมนุษย์ยังไม่พร้อมจะรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง นายพลซ็อคก็ได้ตามรอยมาจนพบว่าคาร์ล เอล อยู่โลกมนุษย์ จึงยื่นข้อเสนอกับชาวโลกว่าให้ส่งมอบตัว คาร์ล
เอล มา โดยมีชะตาของโลกเป็นเดิมพัน
หนังทำฉากออกมาได้อย่างตระการตามาก
ดูฉากระเบิด ฉากตึกถล่มจนเต็มอิ่มเลยทีเดียว อีกทั้งเพลงประกอบก็ฟังดูยิ่งใหญ่เร้าใจ ในความเห็นของผม ผมคิดว่า Man of Steel คือหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ที่อลังการที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ต่อให้ค่าตั๋ว 350
บาทก็คุ้มครับสำหรับการรับชมความสะใจ ยิ่งใหญ่ อลังการ ซุปเปอร์ในภาคนี้จะมีกลิ่นอายออกไปในทางหม่นๆอยู่บ้าง ตามสไตล์ผู้กำกับอย่าง Zack Snider แต่ทว่าตัวหนังจะเน้นความแอคชั่นมากขึ้น เนื้อหาจะไม่หนักเหมือน The Dark knight
หรือ
The Watchmen แต่ก็ยังแฝงข้อคิดและสะท้อนอะไรหลายๆอย่าง(ยังมีสาระอยู่เหมือนกัน) เป็นภาพยนตร์ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัยครับ
แต่ถึงฉากแอคชั่นจะตระการตาสะใจอย่างไร ผมว่าตัวหนังมันก็ยังขาดอะไรไปอยู่ดีครับ การตัดฉากไปมาอย่างปุบปับในตอนแรกทำให้รู้สึกไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ ฉากที่ซุปเปอร์แมนช่วยเหลือคนอื่น
(ซึ่งมีน้อยมาก) ดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆ
เทียบกับฉาก Spiderman ช่วยคนบนรถไฟไม่ได้เลย ซุปเปอร์แมนในภาคนี้ไม่ค่อยให้ความรู้สึกว่าเหมือนฮีโร่เท่าไหร่
แต่ก็เป็นข้อดีที่สะท้อนให้เห็นแง่มุมที่สมจริงของซุปเปอร์แมนมากขึ้น ฉากต่อสู้ก็ดูยืดเยื้อเกินไปหน่อย ต่อยกันจนบ้านเมืองพินาศวอดวายแต่ไม่ยักกะตายกันซักที ทำให้เกิดคำถามว่าจะสู้กันไปทำไม ด้วยฉากตระการตาที่มีมากเกินไปจึงทำทำให้ดูเกร่อ สู้ออกมาเด็ดๆไม่กี่ฉากแบบหมัดเดียวน็อคผมว่าจะน่าประทับใจกว่า ซึ่งถ้าหากเทียบกับ The Avenger แล้ว เรื่องนี้อลังการกว่า แต่ความสนุกยังเป็นรอง The Avenger
แต่อย่างไรก็แนะนำให้ไปดูครับ รับรองคุ้มค่าตั๋ว กับเวลา 143 นาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น