สังคมสมัยใหม่แห่งยุคโลกาภิวัฒน์
เด็กรุ่นใหม่เชื่อผู้ใหญ่น้อยลงและเชื่อตัวเองมากขึ้น แทนที่จะปรึกษาคนรอบข้างก็ปรึกษาอินเตอร์เน็ตแทน การติดต่อสื่อสารทั้งข้อความ ภาพ เสียง
ที่ไร้พรมแดนภายในเสี้ยววินาที ก่อให้เกิดการไหลบ่าของกระแสวัฒนธรรม
วัฒนธรรมและค่านิยมตะวันตกเริ่มเข้ามาผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรมไทย(แทบจะเขมือบกลืน) จึงไม่แปลกที่เด็กสมัยนี้จะแหกคอกมากขึ้น การแหกคอกที่ว่าส่วนใหญ่จะไม่ก้าวร้าวแบบใช้กำลัง
แต่จะแข็งกร้าวด้วยเหตุผล เหตุผลที่สวนออกไปทำลายเหตุผลที่อ่อนกว่าของระบบเดิมๆที่ยึดถือกันมาแต่เดิม
ระบบที่คนรุ่นก่อนสร้างขึ้นเพื่อเป็นกุศโลบายในการอบรมคนรุ่นหลัง เริ่มถูกเหตุผลและความเป็นตัวของตัวเองของคนรุ่นใหม่กัดเซาะ
จนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของระบบเดิมไป หรือไม่ก็ยกเลิกบางระบบไปเลย ยกตัวอย่างเช่นระบบSotus
ที่เมื่อก่อนเป็นที่นิยมในมหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันนั้นแผ่วกำลังลงเต็มที
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
เป็นคำกล่าวยอดฮิตของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง ไอสไตน์ คำกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ก็สังเกตได้จากเทคโนโลยีในปัจจุบันที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากจินตนาการแทบทั้งนั้น สิ่งใหม่ๆจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มต้นจากความกล้าที่จะคิดให้ต่างจากรูปแบบเดิมหรือที่เรียกว่า
"คิดนอกกรอบ" ซึ่งหลายองค์กรการทำงาน(ยกเว้นระบบราชการ)
ต้องการบุคลากรที่มีคุณสมบัตินี้
"คิดนอกกรอบ"เป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์ เป็นหนทางออกใหม่ๆของปัญหาเดิม เป็นอะไรที่เท่ๆที่คนรุ่นใหม่หลายคนสรรเสริญ จนนำไปสู่อะไรพิเรนทร์ๆหลายอย่างของวัยรุ่น
ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า
"คิดนอกกรอบ" อย่างถ่องแท้เสียเท่าไหร่
แต่ในความคิดของผมนั้น
ผมมองว่าถึงแม้บางความคิดจะมองว่าเป็นความคิดนอกกรอบ
แต่มันก็ยังมีกรอบอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่ามาล้อมความคิดนั้นอยู่
ผมเห็นได้จากประสบการณ์การเป็นนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งในบางคาบเรียนอาจารย์ผู้สอนจะนำตัวอย่างเคสของคนไข้มาให้นักศึกษาวิเคราะห์ นักศึกษาต้องวิเคราะห์หาสาเหตุการป่วยแล้วจึงกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
มันเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกท้าทายเหมือนกำลังอ่านนิยายสืบสวนไขคดี นักศึกษาบางคนเสนอความคิดเห็นที่เพื่อนคนอื่นๆหรือแม้แต่อาจารย์เองก็ยังคิดไม่ถึง
แล้วก็ชวนให้ขบคิดต่อ แต่ในขณะที่นักศึกษาบางคน (ผมเองครับ)ที่เสนอแนวความคิดที่คนอื่นๆไม่ได้คิดถึง ความคิดดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
เนื่องจากมันนอกกรอบเกินไป
นอกกรอบวิชาการไปจนกลายเป็นแค่ความคิดแผลงๆ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะตอนเรียนผมนั่งสัปหงกเป็นส่วนใหญ่
ทำให้ตามไม่ทันกรอบความคิดทางวิชาการซึ่งคอยกำกับไม่ให้ความคิดของนักศึกษาออกทะเลไปจนไร้ความหมาย
"คิดนอกกรอบ" เป็นสิ่งที่ดี แต่
กรอบความคิดก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ ความคิดนอกรอบ จะเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ได้
ก็ต้องอยู่ในกรอบของการนำไปใช้ได้จริง
ความคิดนอกกรอบจะเป็นความคิดสร้างสรรค์หรือความคิดเพ้อฝัน
ก็แบ่งกันที่กรอบความคิดนี่แหละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น