วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กรอบความคิด



สังคมสมัยใหม่แห่งยุคโลกาภิวัฒน์  เด็กรุ่นใหม่เชื่อผู้ใหญ่น้อยลงและเชื่อตัวเองมากขึ้น   แทนที่จะปรึกษาคนรอบข้างก็ปรึกษาอินเตอร์เน็ตแทน   การติดต่อสื่อสารทั้งข้อความ ภาพ เสียง ที่ไร้พรมแดนภายในเสี้ยววินาที ก่อให้เกิดการไหลบ่าของกระแสวัฒนธรรม วัฒนธรรมและค่านิยมตะวันตกเริ่มเข้ามาผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรมไทย(แทบจะเขมือบกลืน)  จึงไม่แปลกที่เด็กสมัยนี้จะแหกคอกมากขึ้น  การแหกคอกที่ว่าส่วนใหญ่จะไม่ก้าวร้าวแบบใช้กำลัง  แต่จะแข็งกร้าวด้วยเหตุผล  เหตุผลที่สวนออกไปทำลายเหตุผลที่อ่อนกว่าของระบบเดิมๆที่ยึดถือกันมาแต่เดิม ระบบที่คนรุ่นก่อนสร้างขึ้นเพื่อเป็นกุศโลบายในการอบรมคนรุ่นหลัง  เริ่มถูกเหตุผลและความเป็นตัวของตัวเองของคนรุ่นใหม่กัดเซาะ จนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของระบบเดิมไป หรือไม่ก็ยกเลิกบางระบบไปเลย ยกตัวอย่างเช่นระบบSotus ที่เมื่อก่อนเป็นที่นิยมในมหาวิทยาลัย  แต่ปัจจุบันนั้นแผ่วกำลังลงเต็มที    

"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"  เป็นคำกล่าวยอดฮิตของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง ไอสไตน์  คำกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ก็สังเกตได้จากเทคโนโลยีในปัจจุบันที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา   ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากจินตนาการแทบทั้งนั้น  สิ่งใหม่ๆจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเริ่มต้นจากความกล้าที่จะคิดให้ต่างจากรูปแบบเดิมหรือที่เรียกว่า "คิดนอกกรอบ"  ซึ่งหลายองค์กรการทำงาน(ยกเว้นระบบราชการ) ต้องการบุคลากรที่มีคุณสมบัตินี้   "คิดนอกกรอบ"เป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์  เป็นหนทางออกใหม่ๆของปัญหาเดิม  เป็นอะไรที่เท่ๆที่คนรุ่นใหม่หลายคนสรรเสริญ จนนำไปสู่อะไรพิเรนทร์ๆหลายอย่างของวัยรุ่น  ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า "คิดนอกกรอบ" อย่างถ่องแท้เสียเท่าไหร่

แต่ในความคิดของผมนั้น  ผมมองว่าถึงแม้บางความคิดจะมองว่าเป็นความคิดนอกกรอบ  แต่มันก็ยังมีกรอบอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่ามาล้อมความคิดนั้นอยู่  ผมเห็นได้จากประสบการณ์การเป็นนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์  ซึ่งในบางคาบเรียนอาจารย์ผู้สอนจะนำตัวอย่างเคสของคนไข้มาให้นักศึกษาวิเคราะห์    นักศึกษาต้องวิเคราะห์หาสาเหตุการป่วยแล้วจึงกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม  มันเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกท้าทายเหมือนกำลังอ่านนิยายสืบสวนไขคดี  นักศึกษาบางคนเสนอความคิดเห็นที่เพื่อนคนอื่นๆหรือแม้แต่อาจารย์เองก็ยังคิดไม่ถึง แล้วก็ชวนให้ขบคิดต่อ   แต่ในขณะที่นักศึกษาบางคน (ผมเองครับ)ที่เสนอแนวความคิดที่คนอื่นๆไม่ได้คิดถึง   ความคิดดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย เนื่องจากมันนอกกรอบเกินไป  นอกกรอบวิชาการไปจนกลายเป็นแค่ความคิดแผลงๆ  ที่เป็นเช่นนี้เพราะตอนเรียนผมนั่งสัปหงกเป็นส่วนใหญ่  ทำให้ตามไม่ทันกรอบความคิดทางวิชาการซึ่งคอยกำกับไม่ให้ความคิดของนักศึกษาออกทะเลไปจนไร้ความหมาย


"คิดนอกกรอบ" เป็นสิ่งที่ดี แต่ กรอบความคิดก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์    ความคิดนอกรอบ จะเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ได้ ก็ต้องอยู่ในกรอบของการนำไปใช้ได้จริง  ความคิดนอกกรอบจะเป็นความคิดสร้างสรรค์หรือความคิดเพ้อฝัน ก็แบ่งกันที่กรอบความคิดนี่แหละครับ    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น