สำหรับอีกคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจอันแรงกล้าให้แก่ผมและอีกหลายชีวิตทั่วโลก ชื่อของเขาคือ Kyle maynard แชมป์มวยปล้ำที่มีความพิเศษกว่านักมวยปล้ำคนอื่นๆ
คือ เขาไม่มีแขนขาแม้แต่ข้างเดียว
ผมรู้จักKyleจากหนังสือ “ชีวิตไม่มีข้ออ้าง” ซึ่งเขาเป็นคนเขียน
ชายวัยสามสิบต้นผู้นี้ไล่ทำสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ เขาสามารถทำลายสถิติโลกในการยกน้ำหนักท่าเบนช์เพรซดัดแปลง เขาพิมพ์ได้เร็ว 50 คำต่อนาที จับปากกาเขียนหนังสือได้เหมือนคนปรกติ ขี่ม้า
ขับรถ ดิ่งพสุธา และสิ่งต่อไปที่เขาตั้งใจจะพิชิตก็คือ
เทือกเขาเอเวอร์เรสต์
ประโยคหนึ่งของเขาที่โดนใจผมมากก็คือ
“ผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างเป็นคนพิการไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รวมถึงการพิการทางนิสัยและบุคลิกภาพด้วย
ความพิการของผมก็แค่บังเอิญเห็นได้ชัดกว่าความพิการบางอย่างเท่านั้นเอง”
ชายผู้นี้ได้พิสูจน์แล้วว่า นอกจากเป็นแชมป์มวยปล้ำแล้ว เขายังเป็นแชมป์ในชีวิตจริงอีกด้วย ด้วยปรัชญาอันแสนเรียบง่ายของเขา “ไม่มีข้ออ้าง”
แทนที่จะมองเรื่องยากให้เป็นเรื่องท้อแท้ Kyle
maynard กลับมองมันเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องพิชิตให้ได้
ลายสักรูปเสือที่ไหล่ของเขาสะท้อนให้เห็นตัวตนภายในที่ฉายออกมาทางแววตา
หลายคนก็คงมีหลายสิ่งที่อยากจะทำ
ตัวผมถ้าให้ลิสต์รายการก็คงได้เป็นหน้ากระดาษ ผมอยากเต้นป๊อบปิ้งแดนซ์ได้
สามารถบีบอยลังกาเกลียวสักสี่รอบกลางอากาศ
อยากเล่นกีต้าร์ให้เทพๆไปวาดลวดลายบนเวที
อยากร้องเพลงให้เพราะๆโดนใจผู้ฟังจนน้ำตาไหลอย่าง พี่กิ๊ก Thailand
got talent อยากเป็นศิลปินแต่งเพลงง่ายๆแต่อมตะ เขียนเรื่องสั้นฝากโลกไว้ซัก 1500 เรื่อง เรียนให้ผ่านสบายๆพ่อแม่หายห่วง
รวมถึงการได้เขียนบทความลงบล็อกอย่างสม่ำเสมอ
แต่ที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจเอาไว้เลย ผมมัวแต่เสียเวลารีเฟรชหน้าเฟสบุ๊ค ดูคลิปเดิมๆในยูทูป อ่านกระดานข้อความตอบปัญหาหัวใจ ดูหนังAV หรือไม่ก็นอนอยู่บนเตียงเฉยๆแล้วคิดว่าจะทำนู่นทำนี่แต่ก็ไม่ได้ทำซักที
แล้วช่วงนี้ยิ่งมีปัญหาหัวใจก็ยิ่งกลับไปย้ำคิดอยู่กับเรื่องเดิมๆ ชีวิตชีวาเริ่มเหือดหายไปจากชีวิต
อยากหลบหนีโลกแห่งความจริงไปนอนอุดอู้สักพัก
แต่ในที่สุดเมื่อผมตัดสินใจฝืนความเคยชินเก่าๆ ลุกจากเตียงขึ้นมาลงมือทำอะไรบางอย่าง
ผมพลันรู้สึกได้ถึงชีวิตชีวาจากการใช้ชีวิต แทนที่จะหมกมุ่นคิดแต่ว่า “ทำยังไงให้เขารักเราคนเดียว” โลกนี้ยังมีอย่างอื่นให้ทำและเราก็ทำได้อีกหลายอย่าง ผมเริ่มเข้าถึงแรงดึงดูดที่ Jason Mraz และ Kyle
Maynard มีต่อผม ตอนนี้รู้สึกว่าผมกำลังดึงดูดตัวผมเอง สัมผัสได้ถึงความ สนุก น่าค้นหา และท้าทาย ผมชักจะหลงรักตัวเองแล้วสิ
เขารักเราหรือเปล่าเราไม่รู้
แต่เรารักตัวเราเองได้
เรารู้และรักในสิ่งที่เราเป็น
และมุ่งมันทำสิ่งที่เรารักให้โลกรู้ว่าเรารักตัวเองมากแค่ไหน
คุณจะรักคนอื่นได้อย่างไรถ้าแม้แต่ตัวเองคุณยังรักไม่ได้ และเมื่อไหร่ที่คุณรักตัวเองได้คุณก็จะรู้ว่าชีวิตนี้มีความมันส์ให้ตักตวงอีกเยอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น