อะไรเอ่ย...ไม่อันตรายแต่โคตรน่ากลัว
คำถามนี้ค่อนข้างจะกว้างเกินไป บางคนอาจจะตอบว่า ที่แคบ ความสูง หรือจิ้งจก
แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุจะบรรลุนิติภาวะแหล่ไม่บรรลุแหล่ หน้าตาหล่อเหลาเร้าใจสำหรับสาวหรือชาวสีม่วงที่ชอบของแปลก การศึกษาพอเอาตัวรอดและพอเชิดหน้าในสังคมได้ เขาจะตอบว่า
“แมลงสาบว่ะ”คำตอบของเขายังไม่จบแค่นั้น “ตอนที่มันบินอ่ะนะ”
“เอ้ย! แกกลัวแมลงสาบเรอะ” เพื่อนของเขาถามด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนกับขบขัน
“แมลงสาบไม่กลัว แต่กลัวแมลงสาบบิน”
เพื่อนคนแรกหัวเราะตัวงอ เพื่อนอีกคนพูดขึ้น
“ถามหน่อยเถอะไอ้วิน แมลงสาบมันน่ากลัวตรงไหน ต่อยก็ไม่ต่อยกัดก็ไม่กัด แถมหน้าตาก็น่ารัก สาวๆเห็นเป็นต้องกรี๊ดกร๊าด”
“พวกที่กลัวแมงสาบส่วนใหญ่จะเป็นแต๋ว ที่ผ่านมาแอ๊บแมนหรือเปล่าไอ้วิน”เพื่อนคนแรกพูด แล้วก็หัวเราะดังกว่าเดิม
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ” วินคำรามเสียงเข้มอย่างจงใจดัด “บอกว่ากลัวแค่ตอนมันบินโว้ย!”
“มันบินแล้วมันไปยังไง”เพื่อนคนทิ่สองถามด้วยสีหน้าจริงจังใคร่รู้ จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อนที่หัวเราะไม่หยุดว่า
“ไอ้นนท์...ดูเอ็งมีความสุขกับความทุกข์ร้อนของคนอื่นจริงนะ”
“อ๊ะ หยอแหยหยอแหย บลาๆๆ”เพื่อนคนแรกล้อเลียนกลับและหัวเราะต่อ เพื่อนคนที่สองกับวินจ้องหน้ามันจนมันเริ่มหัวเราะไม่ออก
“โอเค ข้ายอมแพ้”นนท์ชูสองมือ “เรามาเป็นที่ปรึกษาทุกข์ให้เพื่อนวินของเราดีกว่า”
“ที่เรากลัวแมลงสาบบินน่ะเหรอ ก็เพราะ...เอ่อ..มันรู้สึกขัดแย้งในใจมั้ง แบบว่ามันวิ่งกับพื้นก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องบินด้วย...ถ้าจะบินก็น่าจะบินอย่างเดียวไปเลย ที่สำคัญมันบินห่วยมาก บินมั่วซั่วไร้ทิศทางแต่ดันชอบบินอีก”
“แกรับไม่ได้ที่พวกมันทำอะไรครึ่งๆกลางๆ แกคงเป็นพวกยึดติดกับความเพอร์เฟ็กต์”
“วินิจฉัยได้เฉียบแหลมมากครับหมอโก้”นนท์ปรบมือเปาะแปะ
“ไม่ใช่หรอก”วินปฎิเสธ “ พูดง่ายๆก็คือมันน่ากลัวด้วยน่ะแหละ เมื่อก่อนเราอยู่บ้านก็มีแมลงสาบอยู่บ้างไม่มาก ส่วนมากมันก็แค่วิ่ง จับก็ง่าย เห็นหน้าเราปุ๊บก็รีบหนีปั๊บ แต่พอย้ายมาอยู่ร้านในเมืองกับแม่เมื่อปีก่อนก็ชักจะกลัวมันซะแล้ว พวกมันบินกันให้ควัก บินเข้าหน้าต่างไปเยี่ยมชั้นสองชั้นสามเป็นประจำ แล้วดูเหมือนพวกมันจะกล้าบ้าบิ่นมาก บินเฉี่ยวหัวเราเล่นอย่างสนุกสนาน ไอ้วูบแรกก็นึกว่าเป็นผีเสื้อกลางคืน เหลือบไปดูที่ผนังอีกทีนี้ขนลุกเลย ทุกทีที่เห็นมันอยู่ใกล้ๆก็ต้องหวาดระแวงว่ามันจะบินหรือเปล่า”
“ก็มีเหตุผลนะ”โก้พยักหน้า “แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันน่ากลัวตรงไหน”
“ก็เพราะกลัวมันน่ะซี่มันถึงชอบเข้าหา” นนท์ออกความเห็น “ดูอย่างพวกผู้หญิงที่กระทืบเท้าไล่มันยิ่งเข้าหา แต่อย่างเรารึเห็นก็ยิ้มร่าแล้ว มันเห็นหน้าก็ไปเองโดยไม่ต้องไล่…ไม่ได้หมายความว่าไม่หล่อนะ ”
“เพิ่งรู้ว่าไอ้นนท์ก็พูดเรื่องมีสาระเป็นกับเขาด้วย” โก้พูด “ยิ่งแกกลัวมันบิน มันก็จะชอบบินอวดซิกแพ็คของมันมากเท่านั้น”
“งั้นเรามาหาวิธีช่วยให้เพื่อนวินหายกลัวกันดีไหม เพื่อนโก้” นนท์หัวเราะหึๆ โก้เองก็หัวเราะหึๆหันไปตีมือกับนนท์ จากนั้นทั้งสองก็หันมามองวินอย่างมีเลศนัยน์
“อย่ายุ่งกับชีวิตกูนะ”วินมีสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วินไปเรียนวิชารักษาดินแดน นักศึกษาวิชาทหารปีที่สามส่วนใหญ่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งฟังบรรยาย การนั่งหลับคอพับเป็นเรื่องธรรมชาติที่ห้ามกันไม่ได้ ความตั้งใจจริงของวินก็แค่ตั้งใจมาเรียนให้ครบเพื่อจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารเท่านั้น วันนั้นเป็นการบรรยายเรื่องการดำรงชีพในป่า วินฟังบ้างหลับบ้างจนมาถึงช่วงสำคัญที่วินตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“เพื่อนครูมันกลัวกระจั๊วหรือแมลงสาบนั่นแหละ ครูไม่รู้ว่ามันจะกลัวไปทำไมไม่เห็นมีอะไรให้น่ากลัวสักน้อย ตอนนั้นครูกับมันไปพักในโรงแรมเก่าๆ”ครูฝึกเหล่าถึงตอนนี้ นักศึกษาวิชาทหารหนุ่มบางคนเอ่ยปากแซว “แล้วแต่พวกเอ็งจะคิด เพื่อนครูมันเจอกระจั๊วอยู่ในห้องน้ำ เกาะผนังส่ายหนวดดิกๆ มันไม่กล้าเข้าไปอาบน้ำ”
“ครูหันไปบอกมันว่า ‘เอ็งคอยดูแล้วกัน’ จากนั้นครูก็เดินเข้าไปคว้าตัวมันหมับ เอานิ้วดึงเครื่องในมันออกแล้วหย่อนใส่ปากเคี้ยวแม่มันสะเลย”
เล่าถึงตอนนี้วินร้องโอ้โห นักศึกษาวิชาทหารคนหนึ่งถามว่า
“มันไม่สกปรกหรือครับ”
“กระจั๊วกินได้”ครูฝึกเน้นย้ำความมั่นใจด้วยน้ำเสียงสูง “แค่เอานิ้วหยิกตรงตูดดึงออกมา ทั้งสาบทั้งเครื่องในมันก็ติดออกมาหมด”
วินไม่ได้อยากกินแมลงสาบ แต่วินก็หวังว่าสักวันตัวเขาจะมีความกล้าเหมือนครูฝึกคนนี้บ้าง
วันนั้นหลังจากที่เลิกเรียนแล้วกลับไปอยู่บ้าน บ้านของเขาเป็นตัวตึกสี่ชั้นอยู่ในซอยหลังมหาวิทยาลัย มองไปรอบข้างก็จะเจอแต่หอพักเป็นส่วนใหญ่ ด้านซ้ายติดหอพัก ด้านขวาติดโกดังเก็บของของพ่อค้าเชื้อสายจีน ด้านหลังติดกับร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นนำชัย ชั้นล่างสุดเป็นร้านขายโชว์ห่วย อีกสามชั้นข้างบนเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ตอน
นั้นเป็นเวลาราวๆสามทุ่มครึ่ง
ซึ่งโดยปรกติวินจะนั่งโซฟาดูทีวีเป็นกิจวัตรประจำวัน
ซึ่งพ่อและแม่ก็ให้เกียรติในความเป็นส่วนตัวของเขา หลังจากที่เขาเสร็จจากการทำธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ทันใดนั้นเขาก็พบว่า ห้องนั่งเล่นของเขาถูกรุกรานความเป็นส่วนตัวเสียแล้ว เมื่อผีเสื้อราตรีจำแลง(กระจั๊ว)ตัวหนึ่งบินว่อนแถวๆหลอดไฟข้างบน ถึงมันจะโตเต็มวัยแล้วแต่ก็ยังบินได้ไม่คล่องนัก มันบินชนหลอดไฟสองสามครั้งแล้วหล่นแหมะมาอยู่ที่พื้น ปีกสีแดงของมันหุบซ้อนกันบนหลังอย่างเป็นระเบียบ ส่ายหนวดสองเส้นดิกๆคล้ายกับได้กลิ่นความกลัวอันโอชะ จากนั้นมันก็แผ่ปีกบินว่อนไปทั่วห้อง มีอยู่สองครั้งที่มันบินโฉบเป็นวงโค้งผ่านหน้าวินไป วินกระโดดเหยงไปข้างหลังรู้สึกขนลุกซู่จนร่างกายสั่นกระตุก
“แย่จริงๆ วันนี้ฉันยกห้องให้แกไปก่อนก็ได้”วินพูดกับแมลงสาบที่กำลังบินว่อน “แกวิ่งก็ดีอยู่แล้วทำไมแกต้องบินด้วยล่ะ อยากเป็นผีเสื้อเหรอ” วินส่ายหน้าแล้วพูดต่อว่า “ฉันไม่เข้าใจความคิดแกจริงๆ”
ถึงตอนนี้มันคงจะเหนื่อยเลยหยุดพักเกาะขอบผนังริมขอบหน้าต่าง วินพลันนึกถึงคำพูดของเพื่อนขึ้นมาได้
“ก็เพราะกลัวมันน่ะซี่มันถึงชอบเข้าหา”
วินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กางมือออกยื่นไปข้างหน้าระดับสายตา เจ้าผีเสื้อจำแลงกำลังใช้ปากเล่นกับขาหน้าสองข้างของมัน วินกลืนน้ำลายดังอึ้ก ค่อยๆย่องเข้าไปอย่างช้า แต่พอเข้าไปใกล้เข้าๆ เจ้าผีเสื้อจำแลงพลันแผ่ปีกออกเล็กน้อย วินสะดุ้งโหยงกระโดดถอยหลังออกมาอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าแมลงสาบก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
“โอย... ใช้มือเปล่าคงยังไม่ไหวหรอก”
วินเดินไปหยิบไม้กวาดมา จากนั้นค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆ ใกล้จนมันหยุดการกระทำของมัน วินก็หยุดตามไปด้วย
แมลงสาบบินมาเกาะที่หัวของเขา ไต่เข้าปากที่อ้าค้างไว้ด้วยความตกใจ แล้ววิ่งออกมาจากจมูกอย่างรวดเร็ว
ภาพจินตนาการที่ชัดแจ่มแจ้งทำให้วินเกิดความลังเลขึ้นมา แต่ก็สะบัดศีรษะตัวเองแรงๆแล้วข่มใจตัวเองว่า
“เป็นไงเป็นกันวะ”
วินตัดสินใจปัดไม้กวาดใส่มันอย่างรวดเร็ว มันบินหนีออกหน้าต่างไป วินยืนมองความสำเร็จของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเริ่มรู้สึกว่าแมลงสาบน่ากลัวน้อยลงแล้ว การทดสอบตัวเองขั้นต่อไปก็คือการใช้มือจับมัน
“เรื่องนั้นเอาไว้วันหลังดีกว่า” แล้ววินก็ดูทีวีต่ออย่างสบายใจ ตลอดคืนนั้นผีเสื้อราตรีจำแลงก็ไม่ได้ปรากฎกายอีกเลย
วันรุ่งขึ้นเมื่อวินมาถึงที่โรงเรียนก็ได้รับการล้อจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนชาย
“ไอ้ตุ๊ด กลัวแมลงสาบ เยๆ”
วินไม่ตลกด้วยและพยายามไม่ใส่ใจกับคำล้อเลียนเหล่านั้น แต่บางครั้งมันก็สุดทิ่วินจะทนได้ เช่นแกล้งเอาตุ๊กตาแมลงสาบราคาห้าบาทมาโยนใส่ เพื่อนผู้หญิงก็หัวเราะพร้อมกับส่งเสียงวี้ดว้ายอย่างชอบใจ หรือตอนที่เล่นฟุตบอลกับคนอื่นๆ ไม่มีใครยอมเข้าใกล้วินเลย
“อย่าเข้าไปใกล้มันนะ มันทำแอ๊บแมนล่อให้เราไว้ใจ จะได้ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋ง”เพื่อนๆกระซิบต่อกัน วินแอบได้ยินจึงพูดออกไปอย่างเหลืออด
“กลัวแมลงสาบบินแล้วมันผิดตรงไหนวะ!”
“กลัวแมลงสาบไม่ผิด ผิดตรงที่แกเป็นตุ๊ด”นนท์ตอบ
“ตุ๊ดแล้วทำไมวะ ถึงเป็นตุ๊ดก็ไม่เอามึงหรอก กลัวไปได้”
“นั่นไงมันสารภาพแล้ว” แล้วเพื่อนๆก็ล้อเขาต่อไปอย่างสนุกสนาน
วินกลับบ้านด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่รู้ว่าสาเหตุที่จริงที่ตัวเองกลัวแมลงสาบบินคืออะไร วินคิดว่าตนเองจะต้องกำจัดความกลัวแมลงสาบบินออกไปให้ได้เพื่อที่จะสามารถกลับไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนอีกครั้ง พอตกดึกวินก็ใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาเรื่องแมลงสาบในอินเตอร์เน็ต ส่วนมากเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลจะเป็นพวกกระดานสนทนา มันช่วยเปิดหูเปิดตาให้วินได้รู้ว่า ยังมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่กลัวแมลงสาบ หลายคนมาระบายประสบการณ์เลวร้ายที่ได้รับพวกมันให้อ่าน วินนั่งอ่านไปก็ขำไปด้วย บางเว็บบอกว่าแมลงสาบเป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ มีความสามารถในการปรับตัวเป็นเลิศ บางเว็บบอกว่าแมลงสาบอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาจากนอกโลก นอกจากนี้ยังพบความรู้แปลกๆอีกว่า มีตัวต่อชนิดหนึ่งสามารถทำให้แมลงสาบกลายเป็นซอมบี้ แล้ววางไข่ในตัวแมลงสาบ วินนึกภาพซอมบี้แมลงสาบไม่ค่อยออก จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่รู้สาเหตุและวิธีขจัดความกลัวแมลงสาบบินออกไปได้
ครึ่ก ครึ่ก
ทันใดนั้นวินรู้สึกถึงเสียงอะไรผิดปรกติบริเวณผนังด้านหลัง เขาค่อยๆหันไปมองอย่างช้าๆ ใช่มันจริงๆแต่ตัวใหญ่กว่าตัวเมื่อวานเสียอีก ใจหนึ่งวินบอกให้เดินเข้าไปจับมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด อีกใจหนึ่งบอกว่าเอาไว้วันหลังก็ได้ มันแผ่ปีกบินอีกแล้ว วินเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างจนแทบจะตกเก้าอี้ มันบินไปเกาะขอบหน้าต่างแล้วบินกลับมาหาวิน วินพลันนึกถึงวีรกรรมกล้าหาญที่เขาได้ทำลงไปเมื่อวาน
“ต้องทำได้สิน่า”วินตัดสินใจเอื้อมมือเข้าไปหากระจั๊วที่กำลังบินตัวนั้น
ได้ผล กระจั๊วบินหลบไปข้างหลัง มันบินเข้าไปหลบหลังผ้าม่านข้างหน้าต่าง วินรู้สึกภูมิใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ปัญหาคือต่อจากนี้ต่างหาก วินลังเลว่าจะเดินเข้าไปกระชากม่านตัวนั้น หรือจะเดินไปหยิบไม้กวาดก่อนดี
“ไอ้วิน แกทำได้ มันกำลังกลัวแกอยู่”วินย้ำกับตัวเองในใจหลายๆครั้งจนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหามันโดยไม่ต้องพึ่งไม้กวาด ขณะที่ผ้าม่านยังไร้วี่แววความเคลื่อนไหววินค่อยๆเอื้อมมือไปจับที่ชายผ้าม่านแล้วกระชากเต็มแรง
“ไอ้บ้าเอ๊ยยย!!”
มันบินพุ่งเข้าใส่หน้าของเขาอย่างกะทันหัน ซิกแพ็คของมันโชว์หราอยู่ต่อหน้าต่อตา โชคดีที่มือของวินปัดออกไปตามสัญชาตญาณได้อย่างทันท่วงที ถูกตัวมันกระเด็นไปชนผนังแล้วร่วงแหมะลงไปนอนหงายกับพื้น วินหัวใจเต้นตูมตาม
“เสร็จเราเราแล้ว”เขาบอกกับตัวเอง เดินเข้าไปดูผลงานตรงพื้นที่มันนอนอยู่
แต่อนิจจา แผ่นหลังของเจ้ากระจั๊วสัมผัสกับพื้นเพียงบางส่วน มันออกแรงดีดปีกสองสามครั้งก็ส่งตัวเองกลับมาคว่ำตัวได้อีกครั้ง มันกำลังจะวิ่งหนี วินเอื้อมมือไปจับ สองนิ้วถูกข้างลำตัวมันแต่จับไว้ไม่อยู่ มันแผ่ปีกบินขึ้นเกาะหลังมือของวิน แล้วมันก็ใช้ท่าไม้ตายประจำตัวที่น่าสะพรึงกลัวนั่นคือวิ่งไต่ไปตามแขนของเขา
“อ๊ากกกกก!”วินส่งเสียงร้องโหยหวน มันวิ่งเร็วมาก เผลอพริบตาเดียวก็จวนจะถึงหัวไหล่แล้ว กลิ่นไม่พึงประสงค์โชยเข้าจมูก สัญชาตญาณช่วยวินปัดมันออกไปได้อย่างทันท่วงทีอีกครั้ง แมลงสาบร่วงเอาหลังลงกับพื้น วินไม่กล้าประมาทอีกต่อไปแล้ว คราวนี้เจ้าแมลงสาบพยามออกแรงดีดปีกและตะกายขาส่งตัวเองหมุนคว้างไปตามพื้น แต่สุดท้ายก็นิ่งสนิทอย่างจนปัญญา มันนิ่งราวกับว่าตายแล้ว พอวินเอานิ้วจิ้ม ขาของมันก็ดิ้นไปมา
“ไม่ไหวแล้วไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
หลังจากที่วินอาบน้ำเสร็จมาแล้วก็ยังพบมันอยู่ที่เดิม วินนั่งขัดสมาธิลงข้างๆเจ้าแมลงสาบหงายท้อง สองมือวางซ้อนที่น่าตัก กำหนดรู้ที่ลมหายใจ แต่ตายังคงจ้องมองที่เจ้าแมลงสาบที่หงายโชว์ซิกแพ็ค เมื่ออารมณ์เจือจางลงความคิดอ่านก็แจ่มใสขึ้น
“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวเลยนี่นา มันไม่ได้ทำร้ายเราสักหน่อย ใจเราต่างหากที่คิดไปเอง”วินพูดออกมาตามที่พินิจพิจารณาได้
“ในเมื่อมันไม่เขี้ยวเล็บที่ทำอันตรายได้ ดังนั้นมันจึงต้องมีความน่ากลัว น่าขยะแขยง และความทนทาน เป็นสิ่งทดแทน”
วินนั่งพิจารณามันต่อไป จากนั้นก็พูดต่อ
“แต่เอ... ขนาดเพื่อนๆรังเกียจเราหาว่าเราเป็นตุ๊ดเรายังไม่ชอบเลย แล้วตัวเขาเล่าโดนคนรังเกียจมาตั้งแต่แบเบาะ เขาจะรู้สึกยังไงหนอ ”
“ที่เขาชอบหลอกให้หลายๆคนตกใจกลัวอยู่เรื่อยอาจจะเป็นเพราะเขาอยากชดเชยปมด้อยของตัวเองก็ได้”
“เอ..แล้วสัมผัสที่เขาไต่แขนเราเมื่อกี้นี้ มันจะต่างยังไงกับสัมผัสที่สาวสวยๆมาเล่นปูไต่”
วินคลายมือออกแล้วลุกขึ้นยืน
“เอาละเจ้ากระจั๊ว เราจะพยายามเลิกกลัวเจ้าและต่างคนต่างอยู่อย่างสันติวิธี เราไม่ทำร้ายเจ้า เจ้าไม่ทำร้ายเรา วันไหนมาจ๊ะเอ๋กันบังเอิญก็ขอโทษกัน โอดเคไหม”
เจ้าแมลงสาบไม่ตอบ
“ถือว่าเจ้าตกลงก็แล้วกัน”
วินท่องบทแผ่เมตตาที่จำมาจากกิจกรรมหน้าเสาธงตอนอยู่ชั้นประถมให้กับมัน จากนั้นค่อยๆใช้สองนิ้วหนีบตัวมันขึ้นมา ขามีขนทั้งหกข้างของมันตะเกียกตะกายกลางอากาศ
“เอ้า อยากบินก็บินเล้ย”วินโยนส่งมันเบาๆออกนอกหน้าต่าง แล้วมันก็แผ่ปีกบินจากไปแต่โดยดี
“ดูให้ดีๆมันก็ผีเสื้อราตรีดีๆนี่เอง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น