วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ศิลปิน



เขายืนขับร้องพลางดีดกีต้าร์โปร่ง รถราที่สัญจรผ่านไปมาทำให้อากาศไม่บริสุทธิ์ ไหล่รับน้ำหนักจากสายสะพาย ผิวทนรับการแทงจากแสงแดดยามเย็นที่ไร้ความปราณีราวแสงแดดยามบ่าย เขาสวมแว่นกันแดด เสื้อยีนส์แขนยาว กางเกงยีนส์หัวเข่าขาด และรองเท้าผ้าใบ แทบเท้าเบื้องหน้าวางซองกีต้าร์เปิดอ้าไว้เผยให้เห็นเศษเงินย่อยๆทั้งเหรียญและแบ็งค์กระจัดกระจายอยู่ในนั้น ที่แห่งนี้คือที่ประจำในการขายเสียงขายอารมณ์ หน้าตบาดที่ผ้าใบกันสาดขึงพรืดเรียงเหมือนเป็นม่านมุก พื้นยกขึ้นต่างระดับมแม่ค้าชาวเขาสี่ห้ารายวางแผงขายลิ้นจี่ บางคนกระเตงลูกน้อยมาด้วย
“เพราะฉันไม่รวยเหมือนเขา เธอจึงลืมรักที่เราเคยมีให้กัน”
เขาไม่ถนัดการนำเพลงร่วมสมัยมาขับร้อง ส่วนใหญ่เพลงที่เขาร้องจะเป็นเพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง และเพลงที่เขาแต่งส่วนใหญ่ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริง เพลงนี้กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ที่สะเทือนใจที่สุดในชีวิต เธอชื่อ หวิว เพลงนี้ก็ชื่อ หวิว แต่เขาไม่กล้านำเอาชื่อนี้ไปใส่ในเนื้อเพลง เพราะรู้สึกสมเพชตัวเองเกินกว่าจะให้คนอื่นหรือแม้กระทั่งตัวเองได้ฟัง
สวรรค์เล่นตลกให้เธอเดินผ่านมาพอดี ผมดำยาวปล่อยสยายแกว่งไปตามจังหวะเดิน ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลกว่าเมื่อก่อน ชุดกระโปรงสีขาวขับเน้นสัดส่วนอวบอัดใต้ร่มผ้า กำไลข้อมือทองและแหวนเพชรเจ็ดกะรัตบนนิ้วนางซ้ายนั้นเป็นเครื่องตอกย้ำความน่าสมเพชของเขา เธอเดินหัวเราะกระซี้กระซิกเคียงคู่ชายวัยกลางคน ผมบนศีรษะเริ่มบางหนังศีรษะสะท้อนแสง ถึงใบหน้าจะเริ่มเหี่ยวย่นแต่ก็ยังคงเค้าโครงของคนหน้าตาดีเอาไว้อย่างชัดเจน สวมเสื้อเชิร์ตแขนยาวสีฉูดฉาดดูมีราคา กระดุมตรงคอแบะออกให้เห็นสร้อยคอทองคำ เขาเหลือบไปมองคู่รักต่างวัยคู่นี้แวบหนึ่งแล้วรีบหลบตาไปทางอื่นแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เขาพร่ำบอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่ หวิว คนเดิมที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว ทางคู่รักต่างวัยก็เหลือบมามองเขาวูบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองทางอื่นแสร้งทำเป็นไม่เห็นเช่นกัน เขาพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่เสียงดีดกีต้าร์เพี้ยนมันก็ยิ่งฟ้องให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
เขาร้องเพลงแลกเศษเงินไปวันๆ ตอบสนองความฝันและอุดมการณ์ส่วนตัว แต่ไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการพื้นฐานโดยเฉพาะท้องไส้ วันนี้เขาหาเงินได้ไม่ถึงร้อยบาท เขามีความคิดจะมีชีวิตด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องพึ่งครอบครัวอยู่ เขาเดินกลับบ้าน
สวนย่อมในรั้วบ้านเขียวชอุ่มชุ่มชื่น สระน้ำขนาดย่อมใสแลเห็นปลาคาร์ฟหลากสีตัวอ้วนพี ติดกับตัวบ้านสามชั้นที่ทอดตัวยาวราวคฤหาสถ์คือโรงจอดรถ จอดรถยี่ห้อหลายสิบล้านไว้หลายคัน แยกไปอีกส่วนหนึ่งป็นบ้านขนาดย่อมของคนสวน ลุงบุญมี คนสวนประจำบ้านกุลีกุจอออกมาเปิดช่องเล็กๆของประตูรั้วให้เขาเดินเข้าไป เขาเดินผ่านสนามหญ้าที่ขนาบถนนสายเล็กๆที่นำไปสู่หน้าบ้านและลานจอดรถ หน้าทางขึ้นบ้านเป็นวงเวียนให้รถวน ประตูเป็นไม้สองบานขนาดใหญ่ สลักเสลาลวดลายและประดับด้วยอัญมนีสีแดงกับเขียว พื้นหินอ่อนสีดำและเสาที่ตกแต่งตามแบบศิลปะของโรมัน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกสะอิดสะเอียน ความมั่งคั่งเหล่านี้ได้มาจากการเหยียบย่ำคนจนหลายชีวิตอย่างไม่เห็นหัว ตอนนี้เบื้องหน้าของเขาคือบันไดขนาดใหญ่ที่ทอดตัวไปพักบนชั้นลอยก่อนจะทอดต่อไปถึงระเบียงชั้นสอง เขาเดินผ่านบันไดไปทางขวามือ ผ่านประตูห้องครัวที่เหล่าคนใช้รับประทานอาหารพลางส่งเสียงคุยกัน เข้าประตูไปสู่ห้องรับประทานอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างประณีตและมีรสนิยม ที่โต๊ะใต้โคมระย้าผลึกคล้ายคริสตอลนั้น หวิวและสามีของหล่อนนั่งรออยู่ ทั้งคู่นั่งตรงข้ามกัน เขามองดูภาพเบื้องหน้า ถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ
“กลับมาแล้วหรือ”ชายวัยกลางคนเอ่ยถามโดยไม่มองหน้า เขาไม่ตอบ ชายวัยกลางคนพูดต่อ “มา งั้นเรามาทานกันเลยดีกว่า กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
“อันที่จริงไม่จำเป็นต้องรอผมก็ได้ ผมกินข้าวเหลือของคนใช้ได้”เขาตอบพลางมองไปยังหวิว หล่อนลงมือรับประทาน ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการกลัวแต่อย่างใด
“พ่ออยากรู้จริงๆว่าเมื่อไหร่แก่จะเลิกทำตัวบ้าๆแบบนี้ซะที”
“ผมไม่ได้บ้าครับ ผมมีอุดมการณ์ของผม”เขาตอบ
“แกเพี้ยนเหมือนแม่แกไม่มีผิด”ชายวัยกลางคนพูดพลางส่ายหน้า
เขายังจ้องมองหวิวราวกับจะพูดกับหล่อน “เพราะพ่อเป็นแบบนี้ แม่ถึงทนไม่ได้ไงล่ะ”
“ฉันมากกว่าที่เป็นฝ่ายต้องทน และตอนนี้ฉันก็ชักจะทนกับความบ้าของแกไม่ไหวแล้วนะ ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าเขาที่มีลูกชายสติกลับ”
“พ่อฆ่าแม่”เขาตอบกลับด้วยประโยคสั้นๆ
“เหลวไหล!”
“คุณคะ ใจเย็นๆค่ะ”หวิวพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“เพราะพ่อ แม่ถึงฆ่าตัวตาย ตอนนี้พ่อได้เมียใหม่ สาวสวยกว่าแม่ พ่อคงสมใจอยากแล้วสินะ”
“แก!”ชายวัยกลางคนผุดลุกขึ้น เงื้อมมือจะตบหน้า
“พอแค่นี้เถอะทั้งสองคน”หล่อนลุกขึ้นห้าม
ชายวัยกลางคนมองมาที่ภรรยาสาวอย่างเกรงใจ ระงับโทสะจนตัวสั่น ก่อนจะทิ้งมือเดินสะบัดออกจากห้อง หวิวทำท่าจะเดินตามไป แต่เขาลุกขึ้นฉวยข้อมือเธอไว้
“หวิว”เขาเรียกชื่อเธออย่างเลื่อนลอย สัมผัสนุ่มๆของมือข้างนี้ทำให้เขาหวนระลึกถึงมือข้างที่เขากุม ในยามที่กระซิบพลอดรักกับหล่อน เขามองเข้าไปในดวงตาเธอ เหมือนพยายามจะหา หวิวคนเก่า ให้เจอ
“ปล่อยนะลูก”เธอสลัดข้อมือออกจากการกุม ทำเอาหัวใจเขาหล่นไปกองตรงตาตุ่ม เธอสบตาเขาอีกครั้งอย่างหวาดหวั่น แต่พอเห็นความสั่นระริกของเขา แววตาของหล่อนก็แข็งกร้าวขึ้น
“ลูก”เขาทวนคำๆนี้อย่างปวดร้าว “ให้ผมตายยังจะดีกว่าให้คุณมาเป็นแม่ผม”
“ฉันไม่อยากให้เธอตาย เพราะตอนนี้เธอก็ถือเป็นลูกชายฉันเหมือนกัน ทำใจยอมรับความจริงซะเถอะนะ”
เธอเดินออกจากห้องไปอย่างไม่มีเยื่อใย เขามองตามหลังเธอออกไป ถึงจะรู้สึกเกลียดมันมากเพียงใดแต่ตอนนี้เขาได้แต่ยอมรับว่าพ่ายแพ้ให้กับอำนาจของมันอย่างสมบูรณ์แบบ

ปล. เอื้อเฟื้อรูปภาพจาก http://www.aeawthatsong.com/node/88 ขอบคุณครับ