วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความฝันของฉัน...ไอศกรีมป่าตัน


ความฝันของฉัน…ไอศกรีมป่าตัน

กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง
กว่าสัปดาห์แล้วสินะที่ฉันไม่ได้ทานไอศกรีมป่าตัน ฉันก็ไม่ได้ชอบไอศกรีมเป็นชีวิตจิตใจนักหรอก แต่เมื่อกี้ ตอนที่ฉันอยู่ในภวังค์บนเตียงนอน ฉันเห็นตัวฉันชูไอศกรีมแล้วสัญญากับตัวเองว่า จะกินไอศกรีมป่าตันให้ได้ ฉันเผอเปลือกตาขึ้นในห้องนอนแสงสลัว ฟูกนุ่มสบายดีแท้ เสียงกระดิ่งรถไอติมดังถี่ๆเน้นๆ สมองสั่งการว่า “ฉันต้องกินไอศกรีมป่าตัน” แต่ร่างกายมันขี้เกียจขยับ เสียงกระดิ่งแผ่วเบาลงเพราะรถไอติมเคลื่อนที่ห่างออกไป ห่างออกไป ออกไป ฉันพลันตัดสินใจได้ว่าฉันจะต้องกินไอศกรีมป่าตันให้ได้ ฉันลุกพรวดขึ้นจากที่นอน ควานหาและหยิบเงินจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าสตางค์แล้ววิ่งพรวดออกจากบ้านไป
ฉันยืนอยู่หน้าบ้าน ริมถนนในซอย รถไอติมเลี้ยวหายลับตาตรงปากซอยข้างหน้า ห่างไปหลายร้อยเมตรอยู่ ฉันตัดสินใจวิ่งตามไป เสียงรองเท้าแตะดังเตาะแตะ นกกระจอกตัวผู้ตัวหนึ่งบินถลาบินลงมาเคียงข้างฉัน
“นี่เธอกำลังจะวิ่งไปไหนเหรอ”
“ฉันจะกินไอศกรีมป่าตัน”
“ไม่อร่อยหรอกไอศกรีม เชื่อฉันเถอะ แวะซื้อขนมปังนมข้นข้างหน้านี่ดีกว่า”
รสชาตินมข้นหวานมันลิ้นพลันหวนระลึกขึ้นมา ฉันแวะซื้อและลิ้มรสชาติมันทันที กระเพาะหมดเนื้อที่ไปกว่าครึ่ง เงินก็หายไปกว่าครึ่ง
“เป็นไง อร่อยไหม”
“อร่อย แต่ยังไม่แล้วใจ ฉันยังไม่ได้กินไอศกรีมป่าตัน”
ฉันวิ่งต่อ นกกระจอกบินจากไป ฉันเลี้ยวพ้นหัวมุมปากซอยมาแล้ว หนทางข้างหน้ามีหนทางเข้าซอยต่างๆเรียงรายเต็มไปหมด รถไอติมหายแต่ยังแว่วเสียงกระดิ่ง ฉันวิ่งไปตามเสียงกระดิ่งนั้น นกกระจอกกลับมาหาฉันพร้อมลูกเมียของมัน
“จะวิ่งไปซื้อไอศกรีมเหรอจ๊ะ”แม่นกกระจอกถาม
“เด็กสมัยนี้เขาไม่กินไอศกรีมรถเข็นกันแล้ว”พ่อนกกระจอกบอก
“ช่าย เดี๋ยวนี้เขาเล่นเกมออนไลน์กันแล้ว ร้านเกมอยู่ข้างหน้าทางซ้ายมือนี่เอง”ลูกนกกระจอกร้องสนับสนุน
ฉันแวะเข้าร้านเกม ป้ายโปสเตอร์โฆษณาเกมออกใหม่น่าเล่นแปะตามกระจก แอร์เย็นฉ่ำดับความร้อนจากไอแดดยามเที่ยง ลูกค้าแต่ละคนก็ดูมุ่งมั่นอย่างมีจุดหมายอยู่หน้าจอ ยิ่งทำให้ฉันอยากเล่นด้วยเข้าไปใหญ่ ฉันเกือบจะควักเงินให้เจ้าของร้านอยู่แล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจเดินออกมา
“อ้าว ไม่เล่นเกมเหรอจ๊ะ”
“ไม่ ฉันจะเก็บเงินไว้ไปซื้อไอศกรีมป่าตัน ฉันจะกินไอศกรีมป่าตัน”
“เธอนี่น้า”พ่อนกส่ายหัว
เสียงกระดิ่งหายไปแล้ว ตอนแรกกะจะหันหลังเดินกลับบ้าน เผอิญเหลือบไปเห็นหอยทากตัวหนึ่งกำลังคืบคลานอย่างร้อนรุ่ม ฉันจึงตรงเข้าไปถาม
“สวัสดีหอยทาก เห็นรถไอติมผ่านมาทางนี้บ้างไหม”
“เอ ขอฉันนึกก่อนนะ… อ้อ เลยไปอีกสามซอยแล้วเลี้ยวเข้าทางขวามือ”
ฉันวิ่งไปตามที่หอยทากบอก วิ่งต่อไปอีกระยะหนึ่งกึงสี่แยกเล็กๆ ฉันไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งรถไอติมเลย ได้ยินแต่เสียงจ้อกแจ้กจอแจของกลุ่มนกพิราบที่จับกลุ่มคุยกันเรียงรายบนสายไฟ ฉันมองทางซ้ายที ทางหน้าที ทางขวาที เหงื่อสี่หาสายไหลผ่านต้นคอ ร้อนจริงๆ ฉันเริ่มหันไปมองข้างหลังบ้างแล้ว
“อ้าว เธอจ๋า มายืนทำอะไรกลางสี่แยกนี่ล่ะจ๊ะ อากาศก็ออกจะร้อน”นกพิราบตัวหนึ่งถาม ทำให้ตัวอื่นๆหยุดคุยกันแล้วหันมามองฉัน
“ฉันกำลังตามหารถไอติมอยู่ ไม่รู้ว่าไปทางไหน เธอช่วยบอกหน่อยได้ไหม”ฉันถาม
“จะหาไปทำไม ทางมีให้เลือกตั้งสามทาง ถ้าไปผิดทางก็จะเสียเที่ยวเปล่าๆ”
“เมื่อกี้พวกเราคุยกันอยู่ ไม่ทันสังเกตว่ารถไอติมไปทางไหน เผลอๆอาจจะไม่ผ่านมาทางนี้เสียด้วยซ้ำ”
“ฉันว่า รถไอติมน่าจะไปทางซ้ายนะ
“แต่ฉันว่ารถไอติมไปทางขวาล่ะ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า”นกพิราบตัวหนึ่งสรุป “เธออย่าไปเสียเวลาตามหารถไอติมอีกเลย ดูเหงื่อบนหน้าเธอสิโชกเชียว ขืนตามหาต่อไปแล้วหาไม่เจอจะลำบากเปล่าๆ”
“แต่ ฉันอยากกินไอศกรีมป่าตัน”ฉันพูดอ้อมแอ้ม
“ไอศกรีมกินไปก็เท่านั้นแหละ เข้าไปตากแอร์เย็นๆในร้านเกมสักชั่วโมงดีกว่า มีความสุขกว่ากันตั้งเยอะ”
ฉันเริ่มเห็นคล้อยตามคำแนะนำของนกพิราบ แดดยิ่งเผา เหงื่อก็ยิ่งเหนียวตัว ฉันตัดสินใจก้มหน้าแล้วหันหลังเดินกลับ ขณะนั้นเองฉันก็สวนทางกับเต่าตัวหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินต้วมเตี้ยมไม่หยุด
“สวัสดีเต่า ไปไงมาไงเนี่ย”ฉันทัก
“มีคนซื้อฉันจากแม่ค้ามาปล่อย ฉันกำลังหาทางกลับบ้านไปหาครอบครัวอยู่”
“แล้วบ้านเธออยู่ทางไหน”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันตั้งใจจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ”
ฉันหยุดเดินแล้วเหลียวหลังมองดูเต่าเดินต้วมเตี้ยมต่อไป
“เดินต้วมเตี้ยมแบบนี้ชาติหน้าคงถึงนะ ฮ่าฮ่า”นกพิราบดูถูก
“ฉันใช้เวลาบินเพียงแค่ลัดมือเดียวก็ไปไกลกว่าที่เธอเดินทั้งวันแล้ว”
“เลิกเถอะ กลับไปนอนแช่น้ำในท่อระบายน้ำดีกว่า สบายกว่าตั้งเยอะ”
เต่ายังเดินต่อไปเหมือนไม่ได้ยินคำพูดและเสียงหัวเราะทั้งมวลของพวกนกพิราบ ฉันเปลี่ยนใจกลับหลังหันแล้วเดินต่อไปข้างหน้า ฉันเดินเข้าไปอุ้มเต่าขึ้นแล้วรีบวิ่งให้พ้นจากเสียงนกพิราบ
“ฉันจะพาเธอไปส่ง จะได้เร็วขึ้น”ฉันบอก
“ได้โปรดวางฉันลงเถอะ”เต่าวิงวอน “โปรดเคารพความตั้งใจของฉัน และความตั้งใจของตัวเธอเองด้วย”
ฉันคิดตามที่เต่าพูดแล้วจึงวางเต่าลง เอ่ยคำบอกลาสองสามคำแล้วฉันก็วิ่งต่อไป หวังว่าเจ้าเต่าจะสมหวังดั่งที่ตั้งใจไว้นะ ฉันวิ่งต่อไปข้างหน้า นี่คือทางที่ฉันเลือกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าจะไปเจอรถไอติมหรือไม่
และแล้วฉันก็ได้ยินเสียงกระดิ่งรถไอติมแว่วๆ ฉันหยุดวิ่งแล้วเงี่ยหูฟัง เมื่อจำแนกทิศทางได้แล้วก็วิ่งไปตามที่มาของเสียง วิ่งเข้าออกซอยไปมาอยู่หลายตลบ สุดท้ายรถไอติมก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร รถขายไอติมหยุดขายให้กับเด็กสองคน ฉันจ้ำอ้าวเตาะแตะไปที่รถไอติม พอไปถึงก็พักหอบครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโพสต์ท่าแห่งชัยชนะออกมา ฉันจะได้กินไอศกรีมป่าตันแล้ว ดีใจที่สุดในโลกในตอนนี้เลย
“จะเอาอะไรดี”ลุงขายไอติมถามฉัน พร้อมกับรอยยิ้ม
“เอ่อ …เอา อ้าว! นี่มันไม่ใช่ไอศกรีมป่าตันนี่”
“ก็มันไม่ใช่น่ะสิ”ลุงขายไอติมหัวเราะ “นี่มันไอศกรีมป่าละเมาะ อร่อยไม่แพ้ป่าตันเลยล่ะ”
“ไม่ใช่ไอศกรีมป่าตันจริงๆหรือลุง”ความหวังของฉันเริ่มริบหรี่
“ไอศกรีมป่าละเมาะนี่แหละ อร่อยไม่แพ้กัน”
ฉันสับสนและทบทวนความฝันของฉัน ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้คืออะไรกันแน่ ระหว่างกินไอศกรีมป่าตันกับการวิ่งตามรถไอติมคันนี้จนทันและซื้อไอศกรีมจากรถไอติมคันนี้
“จะเอาอยู่ไหม”
ฉันตัดสินใจแล้ว “ขอใส่ขนมปังอันหนึ่งแล้วกันลุง” แล้วฉันก็ทุ่มทุนเกลี้ยงกระเป๋า แลกกับรสชาติหวานมันหอมขึ้นจมูก รถไอติมค่อยๆเยื้องย่างจากไป ฉันก็เดินทางกลับบ้านของฉัน ฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่าตอนนี้แล้วใจแล้วหรือไม่ แต่ได้แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว มันถือเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง จะโทษตัวเองเพียงเพราะรถไอติมคันนั้นไม่ใช่ไอศกรีมป่าตันก็คงไม่ถูกนัก มันเป็นสิ่งที่นอกเหนือการควบคุม ฉันพยายามจนถึงที่สุดแล้ว คู่ควรกับรางวัลชิ้นเล็กๆชิ้นนี้
ขณะนั้นนกกระจอกสามพ่อแม่ลูกตัวเดิมก็บินผ่านมาทางฉันพอดี
“ได้กินไอศกรีมสมใจอยากแล้วสินะ”พ่อนกทักอย่างชื่นชม
“ถึงฉันจะได้กินไอศกรีม แต่ก็ไม่ใช่ไอศกรีมป่าตันอย่างที่ฉันฝันไว้”
“อย่าไปคิดหยุมหยิมนักเลย มันก็ไอศกรีมเหมือนกัน เธอคือผู้ประสบความสำเร็จแล้ว”
“งั้นเหรอ ขอบคุณนะที่แนะนำ” ฉันกล่าวลา นกกระจอกสามพ่อแม่ลูกก็บินจากไป ฉันเดินทอดน่องสบายๆตามทางที่นำฉันกลับบ้าน
กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง
ขณะนั้นฉันได้ยินเสียงกระดิ่งของรถไอติมอีกคัน ฉันไม่สนใจอีกแล้ว เพราะตอนนี้ฉันมีไอศกรีมป่าละเมาะอยู่ในมือ ละลายให้รสชาติหวานมันอยู่ในปากอีกด้วย ฉันเดินสวนกับรถไอติมคันนั้น
“ไอศกรีมป่าตันจ้า ไอศกรีมป่าตันอร่อยๆ ช้าหมดอดจ้า”
ฉันหูผึ่งรีบหันไปมองตามรถไอติมคันนั้น มือล้วงควานหาเงินในกระเป๋าแต่หาไม่เจอแม้แต่บาทเดียว ใจหนึ่งบอกฉันว่าพอแค่นี้เถอะ ได้กินไอศกรีมสมใจอยากแล้ว อีกใจหนึ่งก็คอยเตือนว่า สิ่งที่เคยฝันไว้กับลังหลุดลอยห่างออกไปอย่างช้าๆ หลังจากการตัดสินใจเลือกอย่างยากเย็น สุดท้ายฉันก็วิ่งตามไปถึงรถไอติมคันนั้น
“ลุงรอนี่เดี๋ยวนะ”
ฉันโยนไอศกรีมป่าละเมาะทิ้งแล้ววิ่งกลับบ้านอีกครั้ง เพื่อไปเอาเงินมาซื้อไอศกรีมป่าตัน